วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

ทองคำขาว

ทองคำขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แพลทินัม(Platinum) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า PT  มักถูกใช้เป็นตัวโลหะสำคัญในวงการแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด เพราะเนื่องจากไม่เป็นสนิม และนิยมนำมาทำเครื่องประดับ เพราะจะมีความขาวที่ยาวนานมาก (ไม่ลอกไม่ดำ) ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำไปชุบด้วยโรเดียมเหมือนทองขาว ส่วนทองขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "ไวท์โกลด์" (White gold)

ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างทองคำขาว กับ ทองขาว ซึ่งที่จริงแล้วเป็นโลหะคนละชนิดกัน และมักจะเรียกกันแบบผิดๆ สืบต่อกันมา แต่จริงๆ แล้วทองคำขาว(Platinum) จะมีราคาสูงกว่าทองคำบริสุทธิ์(Gold) ประมาณ 2 เท่า  และ ทองขาวจะถูกกว่าทองคำบริสุทธิ์100% แต่ในอัตราส่วนของทองคำที่เท่ากัน ทองขาว จะแพงกว่าทองคำ เพราะว่ามี เงิน และ แพลเดียม ที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองขาว ซึ่งมีราคาสูงกว่า ทองแดง และ สังกะสี ที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองคำ ส่วนทองคำขาว(Platinum) เป็นโลหะมีค่าที่ไม่ผสมกับโลหะอื่นๆ และ เป็นคนละชนิดกับ ทอง และ ทองขาว(White gold) ไม่สับสนกันแล้วใช่ไหมคับ

ข้อควรระวัง  เมื่อรู้ว่า ทองคำขาว(Platinum) เป็นโลหะมีค่าคนละชนิดกันกับ ทอง และ ทองขาว(White gold) ซึ่งมีราคาแพงกว่า มักจะมีบางร้านบอกลูกค้าว่าเครื่องประดับทองขาว(White gold) เป็นเครื่องประดับทองคำขาว(Platinum) เพื่อให้สินค้าตัวเองดูดี มีราคาสูงขึ้น ในราคาเครื่องประดับทองคำขาว(Platinum) ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนได้เครื่องประดับทองขาวมา แต่กลับต้องซื้อในราคาเครื่องประดับทองคำขาว(Platinum) ยังไงก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ทองขาว(White gold) หรือ ทองคำขาว(Platinum) ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดกันหน่อยก็จะดีมาก นะคับ…

โรเดี่ยม(Rhodium) เป็นโลหะมีค่าที่แพงที่สุดในกลุ่ม (แพงกว่าทองคำประมาณ 10 เท่า) ในวงการเครื่องประดับจะใช้ชุบเคลือบชิ้นงานที่ทำจากทองคำ และ เงิน เพื่อให้ชิ้นงานมีความแวววาว สวยงาม และ คงทน มีคุณสมบัติทนทานต่อการผุกร่อน ป้องกันการเกิดออกไซด์(หมองคล้ำ) ที่ผิวได้ยากขึ้น เครื่องประดับที่มีมาตรฐานต้องชุบโรเดี่ยม โดยปราศจากการผสมนิกเกิล  ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อผู้สวมใส่บางคน ผู้ที่สวมใส่เครื่องประดับที่มีส่วนผสมของนิกเกิล อาจเกิดอาการแพ้ได้

นอกจากนี้ มักจะมีกรณีที่ผู้ขายบอกผู้ซื้อว่าเป็นชิ้นงานเครื่องประดับโรเดี่ยม ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย เนื่องจากโรเดียมเป็นโลหะที่แพงมาก และ จุดหลอมเหลวสูงมาก ไม่สามารถนำมาขึ้นรูปเป็นตัวเรือนชิ้นงานได้ ดังนั้นจะใช้โรเดียมในการชุบชิ้นงานเท่านั้น และ การชุบโรเดียมในชิ้นงานที่ทำจากทองขาว และ เงิน  จะทำให้เครื่องประดับมีความแวววาว สวยงาม นานขึ้น  ทองขาว(ทองคำผสมกับเงินและแพลเลเดียม) และ งานเงิน เมื่อยังไม่ได้ชุบ จะมีสีนวลๆ เหลืองอ่อนๆ ดังนั้นจึงต้องนำมาชุบด้วยโรเดี่ยม เพื่อความแวววาว และ เพิ่มความสวยงามให้ชิ้นงานมากขึ้น

หากชุบโรเดี่ยมแล้วจะเกิดการหมองอีกหรือไม่? ตอบอย่างนี้คับ หากว่าเครื่องประดับที่ซื้อมีมาตรฐานการชุบอย่างดีแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานเครื่องประดับของแต่ละคนด้วย โดยปกติการสวมใส่ และ การขัดเช็ดตัวเรือนด้วยน้ำยาทำความสะอาดเครื่องประดับอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยเคลือบผิวชั้นนอกและป้องกันออกไซด์ได้ มีการเก็บรักษาไว้ในกล่องดูแลอย่างถูกวิธี  ก็จะทำให้เครื่องประดับคงความแวว สวยงาม ได้นานยิ่งขึ้น...

แพลเลเดียม(Palladium) เป็นธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 46  หรือเรียกสั้นๆ คือ Pd แพลเลเดียม เป็นโลหะทรานซิชันหายาก อยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลทินัม ซึ่งมีสีขาวเป็นประกายตามธรรมชาติและไม่หมองง่าย  มีสมบัติทางเคมีคล้ายกับแพลทินัม สามารถสกัดได้จากแร่ทองแดงและนิกเกิล ใช้ประโยชน์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ในอุตสาหกรรมเครื่องเพชร  เนื่องจาก แพลเลเดียม มีความยืดหยุ่น  ขึ้นรูปง่ายและมีน้ำหนักเบามากกว่าโลหะชนิดอื่นๆ ในกลุ่มแพลทินัม จึงเหมาะสำหรับนำมาทำเครื่องประดับอัญมณี ซึ่งเครื่องประดับแพลเลเดียมจะมีราคาต่ำกว่า เครื่องประดับที่ทำจากแพลทินัมประมาณสิบเท่า ในขนาดเท่ากัน อย่างไรก็ตาม แพลเลเดียม นิยมนำไปผสมกับโลหะชนิดอื่นๆ ในการทำเครื่องประดับ เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและทนทาน ซะมากกว่า

สำหรับบทความนี้ผมหวังว่าคงจะทำให้หลายๆ ท่าน หายสงสัยและสับสนระหว่างโลหะมีค่าชนิดต่างๆ ไม่มากก็น้อยนะคับ ในความเป็นจริงมีโลหะมีค่าอีกหลากหลายชนิดในโลกที่นำมาใช้ในวงการเครื่องประดับ แต่ที่กล่าวมาเบื้องต้นจะเป็นโลหะมีค่าหลักๆ ที่นิยมนำมาใช้กันคับ...
ที่มา:http://www.pembagems.com

ไม่มีความคิดเห็น: