วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560

ปัจจัยเสี่ยงต่อเงินในกระเป๋าของท่าน ปี 2017

ปัจจัยเสี่ยงต่อเงินในกระเป๋าของท่าน ปี 2017

1. ราคาน้ำมันขาขึ้น

หลังจากภาวะน้ำมันลงราคาต่อเนื่องยาวนาน เนื่องจากสหรัฐอเมริกาได้นำเอาเทคโนโลยีขุดเจาะปิโตรเลียมแบบใหม่ (Fracking) และภาวะน้ำมันล้นตลาดหลังจากอิหร่านเปิดประเทศอีกครั้ง ปี 2017 เป็นปีที่ราคาน้ำมันจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยแนวโน้มมีให้เห็นตั้งแต่ปลายปี 2016 อันมาจาก
- OPEC และชาติผลิตน้ำมันนอก OPEC ซึ่งได้แก่ รัสเซีย อิหร่าน ได้ลงมติลดกำลังการผลิตน้ำมันพื่อกระตุ้นราคา ลดการขาดดุลงบประมาณ
- สภาพเศรษฐกิจอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัว บริโภคพลังงานมากขึ้น และรัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล
- จีนเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการก่อสร้างและผลิตภายในอีกรอบ
เป้าหมายราคาน้ำมันปีนี้ จึงมีโอกาสขึ้นถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเปรียบเป็นราคาน้ำมันขายปลีกในโครงสร้างภาษีปัจจุบันที่ 35-40 บาท/ลิตร อีกครั้งหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ราคาแก๊สก็ลอยตัวขึ้นไปรออยู่แล้ว ใครขับรถก็เตรียมเงินเผื่อไว้ให้ดี

2. เงินเฟ้อขาขึ้น

เมื่อน้ำมันกลับมาขึ้นราคา ค่าขนส่งและสินค้าต่างๆ ก็เตรียมขึ้นตาม (ส่วนที่ว่า ทำไมตอนน้ำมันลง ราคาสินค้าไม่ยักลง นั่นเป็นปริศนาที่แม้ ม.44 ก็แก้ไม่ได้)
แม้อาจจะเป็นเรื่องดีที่สินค้าเกษตรบางรายการที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อยอาจจะมีราคาดีขึ้น แต่เกษตรกรอาจไม่ได้ผลดีเลย เพราะราคารับซื้อยังคงไม่สูงมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น ภาวะเงินฝืดที่มีมายาวนานหลายปี ถ้าเงินเฟ้อขึ้นฉับพลัน คนที่ไม่มีเงินสดอยู่กับตัวอาจเกิดภาวะช็อค
อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้น เพราะเม็ดเงินที่ไหลเข้าจะช่วยให้แมลงเม่าทั้งหลายดี๊ด๊ากันพอสมควร

3. ดอกเบี้ยขาขึ้น

เมื่อ FED เริ่มขึ้นดอกเบี้ยในอเมริกา การที่จะดึงเม็ดเงินลงทุนไว้ไม่ให้ไหลกลับ และป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อขึ้นมากเกินควร ดอกเบี้ยไทยก็มีแนวโน้มจะเป็นขาขึ้นเช่นกัน ใครที่ผ่อนอสังหาริมทรัพย์ ผ่อนบ้านไว้ อาจจะพบว่าเงินผ่อนที่ท่านจ่ายไปกลายเป็นดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนผู้ที่จะซื้อรถ ซื้อของเงินผ่อนใหม่ อาจพบว่าของราคาแพงขึ้นเพราะดอกเบี้ย ในขณะที่เงินเดือนและโบนัสไม่เป็นขาขึ้นแบบดอกเบี้ยบ้างเลย

ในภาวะอะไรๆ ก็จะขึ้น แต่เงินรายได้ไม่ขึ้น เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ขึ้นแบบนี้ ถ้าไม่เตรียมพร้อมให้ดีแล้ว ระวังว่าขาของท่านจะได้ขึ้นไปก่ายหน้าผากแทนแน่นอน!
ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนแล้วต้องเสี่ยงและลงทุนเพื่อได้มา
แต่เราจะไม่มีวันเป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยได้ หากไม่รู้จักว่า "จริงๆ แล้วเงินคืออะไร?” เรารู้จักความหมายของเงินจริงๆ แค่ไหน แล้วรู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว แสตมป์เซเว่นก็ถือเป็นเงินชนิดหนึ่ง!

ในอดีตก่อนที่ธนาคารกลางจะผลิตธนบัตร (เงินกระดาษ) ที่เราใช้กันได้ จำเป็นต้องมีทองคำมาวางค้ำประกัน แต่ปัจจุบันวิธีการนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี คศ 1971 ยุคของประธานาธิบดีริชารด นิกสัน และเปลี่ยนมาใช้เป็นหนี้ของรัฐบาลอเมริกาเป็นตัวค้ำประกันมูลค่าแทนทองคำ.. และเริ่มมีการพิมพ์ธนบัตรเองออกมาอย่างมโหฬาร

ผลคือคนที่ถือครอง Asset ต่างๆ เช่น ที่ดิน หุ้น ทองคำ จะรวยขึ้นๆ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีมูลค่าในตัวเอง แต่คนที่มีแต่เงินฝากในธนาคาร ก็จะมีแต่มูลค่าลดลง ซวยขึ้นและจนลงทุกวัน..

และอีกผลคือ..คนที่กำลังทำงานเพื่อเงิน เงินที่มีมูลค่าลดลงไปทุกวัน..

ต้องหาเครืองมือทำเงินอีกทางให้เจอ ต้องเหนื่อยให้แซงภาวะเงินเฟ้อ เมื่อมองในระยะยาว ทำให้คิดได้ว่าแล้วเราจะทำงานเพื่อเงินต่อไปอีกนานเท่าไหร่?
ทำไมไม่ลองหันมาให้เงินทำงานแทนเราบ้างล่ะ..

#youarewhatyouinvest
#ใช้เงินทำงานแล้วเอาเวลาไปทำในสิ่งที่รักกัน

ไม่มีความคิดเห็น: