วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

ไม่มีตังค์..ทำธุรกิจได้

ถ้าเกิดไม่มีเงินทุนจะทำธุรกิจได้มั้ย ? แล้วจะประสบความสำเร็จได้รึเปล่า ? เราเอาวิธีง่ายๆที่เราเคยทำและใครก็ทำได้โดยไม่ใช้เงินทุนสักบาท มาเล่าสู่กันฟัง

หลายๆครั้งดูตามสื่อต่างๆ หลายคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ทำธุรกิจแล้วรวยตูมตาม กำไรปีละหลายๆล้าน แต่มองไป มองมาจุดเริ่มต้นก็ต้องลงทุนกันไม่น้อยเลยช่ะ ! เอาเป็นว่าใครอยากทำธุรกิจแต่ติดที่เงินทุนไม่มี ก็ลองนำไปทดลองใช้กันดู (มิสสะเตอร์อัลปาก้าลองทำมาหมดละ ไม่ได้โม้ !)

1. ไม่มีทุนก็ต้องขาย Pre-Order
เหมาะสุดๆถ้าใครรู้แหล่งที่ซื้ออยู่แล้ว รู้ราคาทุนอยู่แล้ว ก็ลองวางแผนให้ดี แต่การขาย Pre-Order รับเงินจากลูกค้ามาก่อน (จะครึ่งหนึ่งจะเต็มจำนวนก็แล้วแต่ความสามารถในการต่อรองของแต่ละคนแล้วละจ๊ะ)
"ที่สำคัญจะต้องเริ่มสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองก่อนนะจ๊ะ"

2. ไปขอถ่ายรูปสินค้าของคนรู้จักมาขายลงเน็ต
ถ้ามีคนรู้จักมีร้านค้า ขายสินค้าเจ๋งๆ คูลๆ ก็ลองไปขอถ่ายรูปแล้วเอามาโพสขายในเน็ตดู ส่วนกำไรก็ต้องต่อรองกับเจ้าของสินค้าเอาเองนะ

3. ขอไปเป็นหุ้นส่วนคนอื่นเอาดื้อๆนี่แหละ แบบไม่ต้องลงทุน
อันนี้พีคสุดถ้ารู้จักคนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองลองบากหน้าเดินเข้าไปขอเลยแล้วพูดว่า "พี่ครับผมเป็นหุ้นส่วนด้วย ผมไม่มีเงินเลยสักบาท แต่ผมมีแรง มีวิธีที่ทำให้พี่สำเร็จ ผมขอลุยงานเอง พี่พักผ่อนได้เลย รอรับผลกำไรอย่างเดียว"

ทั้งสามวิธีนี้เราลองทำมาหมดแล้ว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจได้อย่างดีสุดๆเลยน่ะ ถ้าเก็บเงินได้สักก้อนก็นำเงินไปเป็นทุนในการทำธุรกิจในฝันของตัวเองก็ดีนะจ๊ะ

#อัลปาก้า #ธุรกิจ #SMEs #SME #เกรียนธุรกิจ #การตลาด

============
"มีอะไรจะถามทั้งเรื่องธุรกิจทั้งเรื่องเกรียนก็ถามได้หมด"
ส่ง Inbox มานะจ๊ะ

อัตราการลาออก ไม่สำคัญเท่ากับ คนที่ลาออก

ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายคนคิด และวางแผนเป้าหมายชีวิต ในปีหน้า (2560) ของพวกเขา เป้าหมายเหล่านี้ อาจจะเกี่ยวกับ การหางานใหม่

จาก การวิจัย พบว่า

50% ของพนักงาน ลาออก เพราะ หัวหน้า ของพวกเขา

2015 Turnover Rates by Industry (U.S.)

All Industries                               16.7%

Manufacturing & Distribution    14.8%

http://www.compensationforce.com

อัตราการลาออก ไม่สำคัญเท่ากับ คนที่ลาออก

ถ้า 10% ของคนที่ออก เป็นคนเก่ง การเติบโตและความก้าวหน้าขององค์กร ก็จะมีปัญหา ในอนาคต

8 เหตุผล ที่ทำให้พนักงานมือดี คิดจะ ลาออก มีดังนี้

1. ตั้ง เป้าหมาย และเวลา ที่เป็นไป ไม่ได้ (Impossible Target & Deadline)

การตั้งเป้า แบบ “หมาเห่าเครื่องบิน” ไม่เพียงแค่ ต้องทำงานหนักเกินไป แต่มันยังทำให้เกิดความเครียด และนำไปสู่การไม่พอใจ ในฐานะผู้นำ งาน คือ จูงใจให้พนักงานมีความมุ่งมั่น เพื่อความสำเร็จ ภายในเวลา ที่กำหนด ไม่ใช่ ทำให้พนักงาน ต้องทำงาน ทุกคืน และทุกวันหยุด

***ข้อเสนอ

ปรึกษาหารือ และตกลง เป้าหมาย และกำหนดเวลา (SMART Goal) กับพนักงาน เพื่อ จะสร้างความไว้วางใจ และให้เขา รู้สึกเป็นเจ้าของงาน และมีความรับผิดชอบ (Accountability)

2. การบริหาร แบบ ยิบย่อย (Micro-manage)

ไม่มีใครชอบ ที่จะถูกจี้ เรื่องจุกจิก ยิบย่อย เล็กน้อย เป็นเรื่องหลัก ที่ได้รับการร้องเรียนจากพนักงาน

ไม่เพียง ลดขวัญและกำลังใจในการทำงาน  แต่ก็ยังมีผลกระทบต่อ ประสิทธิผลต่องาน ด้วย

***ข้อเสนอ

ตกลง เป้าหมาย กระบวนการ เวลา และงบประมาณ (Program Plan) แล้ว (หลักการ) ขั้นตอน รายละเอียด (Action Plan) (วิธีการ) ค่อยติดตาม ตามที่ตกลงไว้ เพื่อให้การสนับสนุน ควรจะเป็น ครั้งคราว ไม่ใช่ ทุกรายละเอียด ทุกตัวอักษร ทุก 1-2 ชั่วโมง

3. การประชุม ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ เสียเวลา

เวลาที่ใช้ในการประชุม จะเสียไป โดยไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นประชุม แค่แจ้งข้อมูล หรือเป็นหัวข้อ ที่ไม่เกี่ยวข้อง กับ คนที่เข้าร่วมประชุม

***ข้อเสนอ

ตรวจสอบ (Review) การประชุมทั้งหมด (ในแต่ละเดือน) ว่า มีอะไรบ้าง (Agenda) มีวัตถุประสงค์ (Objective) มีงานที่ต้องทำ (Output) ที่ชัดเจน และมีความจำเป็น (Result) หรือไม่ หรือ ซ้ำซ้อนกัน หรือไม่ ถ้าเป็นเพียงแค่ ต้องการแจ้งข้อมูล (รายงาน ผลการดำเนินงาน) ก็เพียง ส่งข้อมูลไปให้ ก็พอ

ถ้าจำเป็น ต้องประชุม (Action ร่วมกัน) ก็พยายามที่จะลดเวลาลง 50% พวกเขาจะมีเวลาทำงาน และมีผลงานมากขึ้น

4. ไม่มี การให้ข่าวสาร ที่จำเป็น

ความรู้ คือ อำนาจ แต่ ไม่ได้ หมายความว่า ควรจะเก็บ ทุกอย่างไว้ พนักงานอยากรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในอนาคต (1-2 เดือน) เพื่อเตรียมตัว และวางแผน

***ข้อเสนอ

มีการประชุม สรุปงาน และอนุมัติแผนงานล่วงหน้า (อย่างน้อย 2 เดือน – ระดับผู้จัดการฝ่าย) เพื่อสร้างความไว้วางใจ และช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ดีขึ้น

5.  ไม่เคย เห็นหัว ลูกน้อง

คิดว่า ผลงาน ของลูกน้อง คือ ผลงาน ของหัวหน้าจึงแย่ง ผลงาน ของลูกน้อง เป็นของตัวเอง

แต่ … ตนเอง ไม่เคยทำอะไรเอง เป็นชิ้นเป็นอัน (เอาแต่ ประชุม)

***ข้อเสนอ

การยอมรับ ผลงานของลูกน้อง เป็นสิ่งที่ดี สำหรับพวกเขาและ ดี สำหรับหัวหน้า อีกด้วย เพราะ สิ่งที่เขาได้รับการยอมรับ เขาจะทำซ้ำอีกและควรมี รางวัล (เล็กน้อย) ให้ เป็นส่วนตัว (ไม่ใช่ จากบริษัท)  

6. ไม่จัดการ กับ พนักงาน ที่มีผลงานต่ำ (ไม่ทำงาน)

เมื่อทีม ทำผลงานได้ดี การเพิกเฉย ต่อพนักงานที่มีผลงานต่ำ หรือ ไม่ทำงาน ก็เป็นเรื่องง่าย เพราะ ไม่ใช่เรื่องสนุก ที่จะทำให้ ทุกคน มีความรับผิดชอบ แต่จะทำให้พนักงานที่ดี เสียกำลังใจ เพราะพนักงานที่ดี เป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระงาน ในส่วนที่บางคน ไม่ทำ

***ข้อเสนอ

ต้องมี การวัดผล และขั้นตอน ในการจัดการ กับ พนักงานที่มีผลงานต่ำ หรือ ไม่ทำงาน ไม่เช่นนั้น พวกเขานั่นแหละ จะเป็น พนักงาน ที่คุณ จะเหลืออยู่

7. ไม่พัฒนา ทักษะ ของพวกเขา

พนักงาน ไม่ได้มา เพื่อทำงาน เท่านั้น พวกเขา ต้องการที่จะได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทักษะ และวิชาชีพ ขึ้นไปอีกระดับ

***ข้อเสนอ

แม้ว่า บริษัทจะมี งบประมาณการฝึกอบรม จำกัด แต่ ก็สามารถให้คำปรึกษา ฝึกอบรม จากการทำงาน จากหน่วยงานภายในได้ (Employee on Boarding Practice, Systematic On-The-Job Training) รวมถึง การพัฒนาความรู้ ด้วยการขยายขอบเขตงาน (Job Enlargement & Job Enrichment) จะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ พัฒนา และมี ความจงรักภักดี กับบริษัท

8.  ทำงาน ไม่สนุก

งานที่ไม่สนุก ไม่ใช่เพราะกำหนดเวลา ที่กระชั้นชิด หรือ ลูกค้า ที่เรื่องมาก แต่จากบรรยากาศ และวัฒนธรรมในองค์กร เช่น งานที่ซับซ้อน สับสน ไม่มีการแบ่ง บทบาทหน้าที่ ที่ชัดเจน, การแบ่งพรรค แบ่งฝ่าย, การปัดแข้งปัดขา แย่งชิงผลงาน ฯลฯ

***ข้อเสนอ

หาวิธี ที่จะทำให้ทีมงาน มีรอยยิ้ม เช่น จัดกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้จักกัน อยู่ด้วยกัน การสร้างทีมงาน และเพิ่มขวัญกำลังใจ หากไม่ดูแลพนักงานที่ดี พวกเขาก็จะดูแลตัวเอง และจะมองหาโอกาสใหม่ – ที่ทำงานใหม่

มัน ไม่ใช่ เรื่อง การเพิ่ม เงินเดือน เท่านั้น

ผ่ายาง อัดยาง ฝังพลอยในเทียน

$$$สามารถเพิ่มคอร์สที่สนใจและสอบถามได้$$$
คอร์สพิเศษ. ฝังพลอยในเทียน(โรงงาน)
1)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลา5,000บาท/วัน/คน
2)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ55,000บาท/3วัน/ไม่จำกัด
3)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ95,000บาท/5วัน/ไม่จำกัด

### สนใจให้ยืนยันก่อนเรียน 3 วัน นะครับ
เรียนวันอาทิตย์ 9.00-17.00น. หรือวันจันทร์
เราสอนถูกต้องตามหลักการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรม
สอนด้วยดีไซเนอร์ระดับประเทศ
สอนด้วยผู้จัดการฯโรงงานส่งออกระดับโลก
สอนด้วยผู้เชี่ยวชาญการผลิตและวิจัยและพัฒนาฯ
ที่ปรึกษาและฝึกอบรม ทั่วประเทศ
http://gggschool.blogspot.com/
  คุณสันต์: 091-8078228   เฟสบุ๊ค: อ.สันต์ ฝังพลอยในเทียน
https://www.youtube.com/watch?v=u5P_lvdbHEE
Email : sanaw588@yahoo.com,Line ID : gemssan
https://m.youtube.com/watch?v=XKctywP9YjI
"เพชร...เลอค่า ที่สุดแห่งอัญมณี" หลากหลายวิธีตรวจเพชรแท้-เทียม 

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี
(Gems and Gemology and Graphic design of school)
199/499 ม.นัฎยา ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร 74130

สอนทำเครื่องประดับ

ตารางเรียนล่าสุด

ตารางเรียน 7/5/2560(วันอาทิตย์)
1)คอร์สประเมินราคาเครื่องประดับอัญมณี ดูเพชรแท้เพชรเทียม(5,000/1 วัน)
2)คอร์สการซ่อม,ตัดต่อไซส์แหวน,ทำแหวนเพชร. (2,200/1วัน)
3)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน

ตารางเรียน 14/5/2560(วันอาทิตย์)
1)คอร์สประเมินราคาเครื่องประดับอัญมณี ดูเพชรแท้เพชรเทียม(5,000/1 วัน)
2)คอร์สการซ่อม,ฝังเพชร. (2,200/1วัน)
3)คอร์สช่างผ่าพิมพ์ยาง...(2,200/1วัน)
4)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน

ตารางเรียน 21/5/2560 (วันอาทิตย์)
1)คอร์สการซ่อม-ตัดต่อไซส์แหวน ทำแหวนเพชร (2,200/1วัน)
2)คอร์สชุบทอง ชุบเงิน (2,200บาท/1วัน)
3)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน)

ตารางเรียน 28/4/2560(วันอาทิตย์)
1)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลา(5,000บาท/วัน)
2)คอร์สการซ่อม,ตัดต่อไซส์แหวน,ทำแหวนเพชร. (2,200/1วัน)
3)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน

$$$$สามารถเพิ่มคอร์สที่สนใจและสอบถามได้$$$
คอร์สพิเศษ. ฝังพลอยในเทียน(โรงงาน)
1)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลา5,000บาท/วัน/คน
2)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ55,000บาท/3วัน/ไม่จำกัด
3)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ95,000บาท/5วัน/ไม่จำกัด

### สนใจให้ยืนยันก่อนเรียน 3 วัน นะครับ
เรียนวันอาทิตย์ 9.00-17.00น. หรือวันจันทร์
เราสอนถูกต้องตามหลักการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรม
สอนด้วยดีไซเนอร์ระดับประเทศ
สอนด้วยผู้จัดการฯโรงงานส่งออกระดับโลก
สอนด้วยผู้เชี่ยวชาญการผลิตและวิจัยและพัฒนาฯ
ที่ปรึกษาและฝึกอบรม ทั่วประเทศ
http://gggschool.blogspot.com/
  คุณสันต์: 091-8078228   เฟสบุ๊ค: อ.สันต์ ฝังพลอยในเทียน
https://www.youtube.com/watch?v=u5P_lvdbHEE
Email : sanaw588@yahoo.com,Line ID : gemssan
https://m.youtube.com/watch?v=XKctywP9YjI
"เพชร...เลอค่า ที่สุดแห่งอัญมณี" หลากหลายวิธีตรวจเพชรแท้-เทียม 

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี
(Gems and Gemology and Graphic design of school)
199/499 ม.นัฎยา ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร 74130

ครุ่นคิดใน 3 วินาที

เรามาดูเรื่องจริง 3 เรื่อง ที่เคยเกิดแล้ว

เรื่องที่1

…..ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่ง รูปหล่อ ร่ำรวย อายุ 33 ปี ได้แต่งงานกับบุตรสาวของบุคคลในกลุ่มทุนใหญ่ เธอทั้งสวยและฉลาด อายุ 28 ปี ปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรฝาแฝดชาย-หญิงน่ารักคู่หนึ่ง เขาเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ทำงานจริงจัง
…..คติพจน์ ประจำใจ คือ “..ไม่มีเรื่องใดในโลกที่เป็นเรื่องยาก ขอเพียงเราตั้งใจทำจริงเท่านั้น..”
…..คืนหนึ่ง เขาได้ขับรถเบนซ์คันเก่งของเขา ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เขาขับรถชนกับรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรย้อนศรมา ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดการการทะเลาะด้วยความไม่พอใจกัน เขาจึงโดนวัยรุ่นพาลเกเรอายุยังไม่ถึง 18 แทงตาย

เรื่องที่ 2

…..ดาวมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง อายุ 20 ปี ใบหน้างดงาม สูง 170 ซม.ได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพ่อแม่อย่างดีตั้งแต่เด็ก เชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีหลายชนิด และชำนาญภาษาต่างประเทศ มีรอยยิ้มอันอ่อนหวาน บุคลิกสง่างาม
…..คติพจน์ประจำใจว่า “..เพียงแต่คุณหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง ก็จะไม่มีเงามืด..”
…..คืนวันหนึ่ง หลังจากจัดปาร์ตี้วันเกิดแล้ว เป็นวันฝนตก เธอได้ทะเลาะกับแฟนหนุ่ม ที่คบกันมากกว่า 1 ปี ด้วยความโมโห จึงกระโดดตึกถึงแก่ชีวิต

เรื่องที่สาม

…..เจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง อายุ 60 ปี  ก่อร่างสร้างตัวจากมือเปล่า ในวัยหนุ่ม เขาประสบความสำเร็จในตลาดการค้า ได้สร้างอาณาจักรธุรกิจของตนเอง เขาอ่านตำราพิชัยสงครามของซุนอู่จนชำนาญ และเชี่ยวชาญการทำธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital)
…..คติพจน์ประจำใจคือ “...เป็นผู้นำและผู้สร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพที่สำคัญที่สุด..”
…..คืนวันหนึ่ง หลังจากการประชุมทางวิดิโอแล้ว (Video Conference) ในคืนท้องฟ้าครึ้มฝน เขาได้ด่าพนักงานระดับล่างคนหนึ่งอย่างรุนแรง ว่าโง่เหมือนหมู ด้วยความโกรธ พนักงานได้หยิบเอาที่เขี่ยบุหรี่ทุบศีรษะเขาแตกตาย ทำให้ธุรกิจของเขาถูกทุบทำลายพังพินาศไปด้วย

….เรื่องทั้ง 3 ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีจุดสำคัญที่เหมือนกันคือ เกิดขึ้นใน 3 วินาที

…..ทำไม.? มีคนจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ วางแผนไว้รอบด้าน บนโต๊ะก็แปะติดคติพจน์การดำรงชีวิตต่างๆ มีตำราอาหารที่ชี้คุณประโยชน์และโทษต่อร่างกาย และอาหารเครื่องดื่มประเภทบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงอีกมากมาย ในสมุดบันทึกก็จดสูตรลับต่างๆ ที่ใช้เพื่อการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงมีอายุยืนยาว แต่ทุกอย่างมักพังทลายจากอารมณ์ชั่ววูบใน 3 วินาทีเท่านั้น

…..เพราะว่า ใน 3 วินาทีนี้ ไม่สามารถทนได้ ทนไม่ไหว ลืมที่จะอดทน จนนำมาซึ่ง ผลงานที่ได้สร้างมาถูกพังทลายจนสิ้น

…..การแต่งงาน ต้องใช้เวลาดำเนินการที่ยาวนาน พูดเรื่องหย่าใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..การคบเพื่อนสนิทต้องใช้เวลาที่ยาวนาน ครั้นจะโกรธกันก็ใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..การมีภาพพจน์ที่ดีต้องใช้เวลาที่ยาวนาน การพูดผิดใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..การมีใจสงบได้ต้องใช้เวลาปฏิบัติที่ยาวนาน การทำลาย ใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..ความสุขต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่ยาวนาน ปลงไม่ตกใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..การสำรวมต้องใช้ความอดทนที่ยาวนาน อารมณ์ชั่ววูบใช้เวลาเพียง 3 วินาที

…..เพื่อนทั้งหลาย คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่ฉลาดมาชั่วชีวิต แต่กลับทำเรื่องเหลวไหลในชั่วขณะหนึ่ง ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะมีอารมณ์ชั่ววูบเกิดขึ้นในเวลาใดก็ตาม ขอให้จำไว้ว่า กลั้นลมหายใจ ทำจิตตัวเองให้นิ่ง 3 วินาทีที่ว่านี้ก็จะผ่านไป การใช้เวลา ครุ่นคิดใน  3 วินาทีนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณทั้งชีวิต และทำมาทั้งชีวิตมันเปลียนแปลงไปได้ในทันที.......

วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

งานวิจัยเผย 3 นิสัยนี้แหละ ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนฉลาด

Further education |24 April 2017
งานวิจัยเผย 3 นิสัยนี้แหละ ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนฉลาด

คุณเคยถูกคนรอบข้างแซว ตอนที่เผลอสบถคำหยาบยาวๆ ออกมาหรือเปล่า หรือตอนเด็กๆ ที่คุณรู้สึกรำคาญพ่อแม่ของคุณ เมื่อพวกเขาบอกให้คุณทำความสะอาดห้อง แถมคุณยังชอบนอนดึกบ่อยๆ จนมีฉายาว่าเป็นหมีแพนด้า สิ่งเหล่านี้ หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดี แต่ใครจะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้แหละ ที่แสดงว่าคุณนั้นฉลาด!!

1. คนฉลาดมักจะสบถหรือพูดคำหยาบ

คุณอาจได้ยินคนที่พูดสบถบ่อยๆ และรู้สึกว่า ทำไมพวกเขาถึงเผลอหลุดคำสบถออกมาได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนตกใจ หรือตอนหงุดหงิด คุณอาจจะคุ้นๆ คำสบถจำพวก “... แม่ร่วง” “อุ้ยตายว้ายกรี้ด” “คุณพระช่วย”

คุณรู้ใช่มั้ย ว่าการพูดคำสบถยาวๆ ตอนตกใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย.. นั่นแหละ ถึงได้มีงานวิจัยออกมายืนยันว่า คนที่เผลอสบถออกมา มักเป็นคนที่มีไอคิวสูง (ได้คะแนนจากแบบทดสอบไอคิวสูงลิ่ว) และคลังคำศัพท์ในสมองเยอะ

2. คนฉลาดมักจะนอนดึก

"การนอนดึก เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ฉลาด”

ทำไมหน่ะหรอ ?

มีงานวิจัยที่ได้แสดงถึงวิวัฒนาการของมนุษย์เรา ตามธรรมชาติสัตว์ต่างๆ มักเลือกเวลานอนของตัวเองไม่ได้ พวกมันมักมีเวลาของชีวิต ที่ถูกกำหนดโดยสัญชาตญาณ ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็ถูกออกแบบจากธรรมชาติให้ใช้ชีวิตตามแสงอาทิตย์ มนุษย์ในอดีต จึงมักตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และหลับหลังพระอาทิตย์ตกดิน มีเพียงมนุษย์ส่วนน้อยที่สามารถฝืนธรรมชาติเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถหลับได้ในทันที และพวกเขามักใช้เวลากับการพูดคุย เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และสิ่งเหล่านี้ได้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในนิสัยของมนุษย์ที่มีไอคิวสูง เพราะพวกเขามีกลไกทางสมอง ที่ส่งเสริมให้พวกเขาคิดได้มากและลึกซึ้งกว่าคนทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่รองรับว่า มนุษย์ที่มีไอคิว 75 มักจะไม่สามารถฝืนตัวเองให้นอนดึกได้ และพวกเขามักจะหลับในช่วง 23:41 ในขณะที่คนที่มีไอคิว 125 มักจะนอนหลับเวลา 00:29 และนอกจากนี้มนุษย์ในอดีต ที่นอนดึก มักจะเป็นคนที่มีแนวโน้มว่ามีความรอบคอบและระแวดระวังกว่ามนุษย์ที่นอนในเวลาปกติ

3. คนฉลาดมักจะมีโต๊ะรก ห้องยุ่งเหยิง

ถ้าคุณทั้งชอบสบถ และนอนดึก แถมยังมีห้องที่รกๆ นี่คือข่าวดีของคุณ.. ผลการวิจัยการมหาวิทยาลัย Minnesota ได้แสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ได้ทำความสะอาดโต๊ะ หรือเก็บข้าวของรอบๆ ตัว มักเป็นคนที่สามารถโฟกัสกับอะไรสักอย่างได้ดี และสามารถเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าคนทั่วไป และงานวิจัยชิ้นนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า “ความรกของโต๊ะทำงาน สัมพันธ์กับความคิดสร้างสรรค์” เพราะความยุ่งเหยิง มักทำให้มนุษย์รู้สึกว่าตนเองเป็นอิสระทางความคิด และสามารถออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ได้ 

ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้วว่า คนที่ชอบสบถ นอนดึก แถมโต๊ะรกๆ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นพวกตัวแสบเพียงอย่างเดียว แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนไอคิวสูงด้วยต่างหาก ดังนั้นถ้าลูกๆ ของคุณ ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนรักของคุณ เป็นคนประเภทที่กล่าวมานี้ ก็อย่าไปว่าพวกเขาเลย ปล่อยให้พวกเขาเป็นตัวเอง และใช้ชีวิตที่อยากเป็นดีกว่า เพราะมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จจากข้อเสียเหล่านี้แหละ

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

การปรับปรุงสีพลอย

การปรับปรุงสีและความสะอาดของพลอย เป็นสิ่งที่คนเราพยายามทำมานับเนื่องได้นานหลายร้อยปี ประวัติศาสตร์บอกเราว่า การเผาพลอยเริ่มมาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน การบรรยายนี้จะเน้นเฉพาะเทคนิคการปรับปรุงสีและความสะอาด ของพลอยที่ตรวจพบจากห้องแล็ปของสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งเอเชีย ( เอ. ไอ. จี. เอส ) เท่านั้น

กระบวนการแรกที่จะกล่าวถึงคือ การเผาพลอย เป็นเทคนิคที่ฟังดูง่ายแต่เมื่อปฏิบัติจริงแล้วค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่หลาย ๆ คนคิด เพราะต้องมีแฟกเตอร์หลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น คุณภาพต้องถึงจุดที่เหมาะสมของระยะเวลาการเผา ว่าจะนานแค่ไหน อัตราเร็วของการเพิ่มหรือลดอุณหภูมิระหว่างการเผา รวมทั้งระยะเวลาที่พักช่วงระหว่างการลดอุณหภูมิบรรยากาศในเตาเผา ว่าเป็นแบบออกซิไดซิ่ง หรือรีดิวซิ่ง สารอื่น ๆ ที่ห่อหุ้มพลอยในระหว่างการเผา

เป็นที่ทราบกันมานานแล้ว่า คนไทยมีฝีมือในการเผาทับทิมและไพลินอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก เมื่อทับทิมมองชูออกสู่ตลาด เซียนเผาพลอยก็ได้สนุกกันเต็มที่เพราะทับทิมมองชูเกือบ 100 % ต้องนำมาเผาก่อนเพื่อกำจัดหย่อมสีน้ำเงินแกมม่วงภายในพลอยดิบ นักเผาพลอยที่ชำนาญจะสามารถทราบได้จากลักษณะหย่อมสี ว่าควรเผาโดยสภาวะอย่างไร นานแค่ไหนจึงจะได้ผลดีที่สุด

ระหว่างการเผา ทับทิมจะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยสารประเภทแก้ว ทำให้ผลพลอยได้คือ สารนี้จะหลอมละลายเข้าไปอุดรอยแตกของผิวทับทิม เมื่อเจียระไนแล้วร่องรอยการอุดนี้อาจยังหลงเหลือให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือใช้แว่นขยายขนาด 10 เท่า เพราะแก้วมีความวาวต่างจากทับทิม โดยปกติช่างเจียระไนจะขัดเอาร่องรอยการอุดบนหน้าพลอยออกจนหมด แต่ตรงบริเวณก้นพลอยจะยังคงเอาไว้ ร่องรอยดังกล่าวนี้จะแตกต่างจากการจงใจอุดรอยแตก ซึ่งเกิดบนผิวหน้าแทรกลึกลงไปในเนื้อพลอย รอยแตกนี้โดยปกติจะมีอากาศอยู่ภายใน อากาศมีการหักเหแสงต่างจากพลอยมาก ทำให้มองเห็นรอยแตกได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า เมื่อเราใช้วัสดุประเภทแก้ว ซึ่งมีค่าการหักเหแสงใกล้เคียงกับพลอยเข้าไปอุดรอยแตก ความเด่นชัดของรอยแตกจะลดลง

ปัญหาในการตรวจสอบทับทิมมองชูที่ห้องแล็ปต่าง ๆ ทั่วโลกประสบอยู่ก็คือ ลักษณะตำหนิภายในของทับทิมมองชู ที่ไปคล้ายกับตำหนิของทับทิมสังเคราะห์แบบฟลักซ์เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการผิดพลาดในการตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันผ่านการเผามาแล้ว ตำหนิภายในของมัน จะเหมือนกันทุกประการกับตำหนิทับทิมสังเคราะห์แบบคาซาน ซึ่งผ่านการเผามาแล้วเช่นกัน ตอนนี้ทับทิมสังเคราะห์แบบคาซาน กำลังระบาดมากในตลาดการซื้อขายทับทิมในกรุงเทพ ฯ

เทคนิคการปรับปรุงสีของไพลินซึ่งใช้ได้ผลดีเยี่ยม คือ การนำไพลินธรรมชาติสีอ่อนมาเผา โดยมีสารประกอบอลูมิเนียมออกไซด์ห่อหุ้มภายนอก สารประกอบนี้จะแทรกตัวเข้าไปบนผิวหน้าของไพลิน ทำให้เป็นสีน้ำเงินสวย การเผาต้องใช้อุณหภูมิประมาณ 1800 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 200 ชั่วโมง พลอยที่ซ่านสีแล้ว เมื่อนำมาเจียระไน ผิวหน้าพลอยบางส่วนถูกเฉือนออกไป ทำให้บริเวณผิวพลอยมีสีจาง – เข้ม สลับกันเป็นหย่อม ๆ สีเข้มจะเห็นชัดบริเวณแนวเส้นขอบพลอยและเหลี่ยมพลอย ลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่จะเห็นได้เมื่อจุ่มพลอยในเมทิลีนไอโอไดด์ ซึ่งเป็นของเหลวที่มีค่าการหักเหแสงสูงกว่าไพลิน โชคดีที่พลอยซ่านสีเหล่านี้มีลักษณะพิเศษเห็นได้ชัดเจน การตรวจสอบทำได้ง่าย แล็ปต่าง ๆ จึงไม่มีปัญหาในการวิเคราะห์พลอยชนิดนี้

เร็ว ๆ นี้แล็ปของสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งเอเชีย ( เอ.ไอ.จี.เอส. ) ได้ตรวจพบไพลินสตาร์และทับทิมสตาร์ ซึ่งใช้กระบวนการซ่านสี ทำให้เกิดสตาร์บนผิวหน้าของพลอย

ในวิธีนี้ ผู้ผลิตจะเลือกทับทิมหรือไพลินสีสวยอยู่แล้วนำมาโกลนขึ้นรูปคร่าว ๆ เสร็จแล้วจึงนำไปฝังในครูซิงบิล ซึ่งภายในบรรจุผงไทเทเนียมและอะลูมิเนียมออกไซด์ นำเข้าเตาเผาที่อุณหภูมิประมาณ 1300 องศา – เซลเซียส ประมาณ 4 ชั่วโมง นำพลอยที่ได้มาเจียระไนอีกครั้ง ชั้นสตาร์จะมีความหนาแค่ 0.01 ถึง 0.25 มิลลิเมตร การเจียระไนจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ชั้นสตาร์นี้ถูกขัดออกไปหมด ลักษณะสังเกตของพลอยสตาร์ซ่านสีก็คือ สตาร์ของมันจะสวยมากผิดปกติ ขาสตาร์จะตรงและยาว ตัดกันเป็นมุมชัดเจน บริเวณสตาร์จะเป็นสีออกเทา ไม่ขาวเหมือนสตาร์ธรรมชาติ เมื่อจุ่มในเมทิลีน ไอโอไดด์ บริเวณตำหนิเส้นรูปเข็มรูทิล ซึ่งประกอบกันเป็นสตาร์จะไม่ตัดกันเป็นมุมชัดเจน แต่จะมีลักษณะเรียงกันเป็นวงเหมือนกลุ่มหมอก

หยกโดยทั่วไปจะผ่านการปรับปรุงคุณภาพโดยวิธีอาบน้ำมันหรือไขมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยุคหลัง ๆ นี้เมื่อมีการค้นพบพลาสติก จึงมีผู้นำพลาสติกมาเคลือบหยกเพื่อให้มองดูเนื้อดีสีสวย

ประมาณ 10 ปีมานี้มีกระบวนการใหม่สำหรับปรับปรุงคุณภาพหยกคือ การนำหยกมากัดสีด้วยกรด เพื่อทำลายหย่อมสีน้ำตาลของแร่เหล็ก จากนั้นจึงนำหยกที่ได้ไปเคลือบพอลิเมอร์หยกประเภทนี้เรียกว่า หยกอาบน้ำ การตรวจสอบต้องกระทำโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูงที่เรียกว่า FTIR เพื่อตรวจหาพอลิเมอร์ที่แทรกอยู่ในเนื้อหยก

โดยทั่วไปประมาณ 20 % ของหยกที่ผ่านการตรวจสอบตามแล็ปต่าง ๆ จะเป็นหยกอาบน้ำ แต่ชิ้นงานประเภทหยกแกะสลักหรือกำไลหยกพบว่า 95 % ของที่เข้ามาตรวจสอบที่แลปเป็นหยกอาบน้ำแล็ป เอ.ไอ.จี.เอส. ยังได้ตรวจพบควอทไซด์ย้อมสีแล้วเคลือบด้วยพอลิเมอร์ เมื่อมองดูภายใต้ไมโครสโคป จะเห็นสีย้อมแทรกตัวอยู่ในเนื้อพลอยอย่างชัดเจน

เร็ว ๆ นี้แล็ปของสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งเอเชีย ( เอ.ไอ.จี.เอส. ) ได้ตรวจพบไพลินสตาร์และทับทิมสตาร์ ซึ่งใช้กระบวนการซ่านสี ทำให้เกิดสตาร์บนผิวหน้าของพลอย

ในวิธีนี้ ผู้ผลิตจะเลือกทับทิมหรือไพลินสีสวยอยู่แล้วนำมาโกลนขึ้นรูปคร่าว ๆ เสร็จแล้วจึงนำไปฝังในครูซิงบิล ซึ่งภายในบรรจุผงไทเทเนียมและอะลูมิเนียมออกไซด์ นำเข้าเตาเผาที่อุณหภูมิประมาณ 1300 องศา – เซลเซียส ประมาณ 4 ชั่วโมง นำพลอยที่ได้มาเจียระไนอีกครั้ง ชั้นสตาร์จะมีความหนาแค่ 0.01 ถึง 0.25 มิลลิเมตร การเจียระไนจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ชั้นสตาร์นี้ถูกขัดออกไปหมด ลักษณะสังเกตของพลอยสตาร์ซ่านสีก็คือ สตาร์ของมันจะสวยมากผิดปกติ ขาสตาร์จะตรงและยาว ตัดกันเป็นมุมชัดเจน บริเวณสตาร์จะเป็นสีออกเทา ไม่ขาวเหมือนสตาร์ธรรมชาติ เมื่อจุ่มในเมทิลีน ไอโอไดด์ บริเวณตำหนิเส้นรูปเข็มรูทิล ซึ่งประกอบกันเป็นสตาร์จะไม่ตัดกันเป็นมุมชัดเจน แต่จะมีลักษณะเรียงกันเป็นวงเหมือนกลุ่มหมอก

หยกโดยทั่วไปจะผ่านการปรับปรุงคุณภาพโดยวิธีอาบน้ำมันหรือไขมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยุคหลัง ๆ นี้เมื่อมีการค้นพบพลาสติก จึงมีผู้นำพลาสติกมาเคลือบหยกเพื่อให้มองดูเนื้อดีสีสวย

ประมาณ 10 ปีมานี้มีกระบวนการใหม่สำหรับปรับปรุงคุณภาพหยกคือ การนำหยกมากัดสีด้วยกรด เพื่อทำลายหย่อมสีน้ำตาลของแร่เหล็ก จากนั้นจึงนำหยกที่ได้ไปเคลือบพอลิเมอร์หยกประเภทนี้เรียกว่า หยกอาบน้ำ การตรวจสอบต้องกระทำโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ชั้นสูงที่เรียกว่า FTIR เพื่อตรวจหาพอลิเมอร์ที่แทรกอยู่ในเนื้อหยก

โดยทั่วไปประมาณ 20 % ของหยกที่ผ่านการตรวจสอบตามแล็ปต่าง ๆ จะเป็นหยกอาบน้ำ แต่ชิ้นงานประเภทหยกแกะสลักหรือกำไลหยกพบว่า 95 % ของที่เข้ามาตรวจสอบที่แลปเป็นหยกอาบน้ำแล็ป เอ.ไอ.จี.เอส. ยังได้ตรวจพบควอทไซด์ย้อมสีแล้วเคลือบด้วยพอลิเมอร์ เมื่อมองดูภายใต้ไมโครสโคป จะเห็นสีย้อมแทรกตัวอยู่ในเนื้อพลอยอย่างชัดเจน

มรกตธรรมชาติมักจะมีตำหนิภายในค่อนข้างมาก และมีรอยแตกเต็มไปหมด ทั้งนี้เพราะผลึกมรกตเกิดจากการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วของแร่ที่หลอมละลาย การใช้สารบางชนิดอุดรอยแตกของมรกตเพื่อเพิ่มความสวยงาม จึงเป็นสิ่งที่วงการธุรกิจอัญมณียอมรับ

สมัยก่อน การอุดรอยแตกในมรกตทำโดยใช้น้ำมันต้นซีดาร์และเรซินจากต้นแคนาดาบอลซัม ปัจจุบันมีสารสังเคราะห์หลายชนิดเข้ามาทำหน้าที่แทนสารธรรมชาติเหล่านี้ ที่นิยมใช้มากเป็นสารที่มีชื่อทางการค้าว่า ออพติคอน

วิธีอุดรอยแตกทำได้ง่าย ๆ โดยนำมรกตที่เจียระไนแล้ว มาทำความสะอาดโดยแช่ในกรดไฮโดรคลอริก แล้วล้างด้วยน้ำ การอัดของเหลวเข้าไปในรอยแตกของมรกต ทำโดยใช้เครื่องมือภายใต้สภาวะความดันต่ำกว่าบรรยากาศ เราอาจลองทำดูโดยนำมรกตใส่ลงในกระบอกเข็มฉีดยาขนาดเล็ก เสียบก้านสูบเข้าไป ดูดออพติ –คอนเข้าไปในกระบอกสูบพอท่วมมรกต นำภาชนะบรรจุออพติคอนออกไป ดึงเข็มออกแล้วปิดจุกให้แน่น ดึงก้านสูบขึ้นเพื่อทำให้เกิดสุญญากาศภายในกระบอกสูบ ออพติคอนจะซึมเข้าแทนที่อากาศในรอยแตกของมรกต นำออกมาทำความสะอาดพร้อมที่จะขายได้

ในทางปฏิบัติจริง มรกตจะบรรจุในภาชนะปิดสนิท มีปั๊มทำหน้าที่ดูดอากาศออกจากรอยแตก แล้วใช้ความดันสูงเพื่อดันให้ออพติคอนเคลื่อนที่เข้าไปในรอยแตกได้ลึกมากขึ้น จากนั้นนำมาให้ความร้อนเพื่อลดความหนืดของออพติคอน ทำให้มันแทรกเข้าตามรอยแตกเล็ก ๆ ได้อย่างทั่วถึง

วิธีการตรวจสอบการอุดมรกต ทำได้โดยนำมรกตมาส่องภายใต้ไมโครสโคป ใช้แสงสะท้อนส่องบนผิวมรกตเพื่อหารอยแตกที่ขึ้นมาถึงผิวหน้า จากนั้นเปลี่ยนแสงเป็นแบบฉากมืด จัดมรกตให้มีแสงสะท้อนเข้าที่เหลี่ยมด้านหลัง ทำให้ฉากหลังสว่าง เมื่อมองในทิศทางตั้งฉากกับรอยแตก จะมองไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย แต่ถ้ามองในทิศทางขนานกับรอยแตกแสงสะท้อนนี้จะเป็นสีน้ำเงิน เวลาเราพลิกมรกตไปมาจะเห็นแสงสะท้อนสีน้ำเงิน – ส้มสลับกัน

การตรวจสอบอีกวิธีหนึ่งทำโดยใช้เข็มร้อนจี้บริเวณใกล้ ๆ รอยแตก ถ้าหากที่ผิวหน้าของมรกตไม่มีสารเคลือบผิวของเหลวที่อุดอยู่ในรอยแตกจะไหลซึมออกมา บางครั้งรอยแตกใหญ่มาก และคนที่อุดรอยแตกไม่ชำนาญพอ อาจมองเห็นฟองอากาศอยู่ในของเหลวที่ใช้อุด

บ่อยครั้งที่จะตรวจพบคราบขุ่นขาวในรอยแตก เริ่มจากผิวหน้าลึกเข้าไปในเนื้อมรกต คราบขุ่นขาวนี้มีลักษณะแห้งกรัง อาจจะเกิดจากส่วนผสมของเรซินและสารทำให้เรซินแข็งตัวไม่เหมาะสม

การใช้ออพติคอนอุดรอยแตกในมรกต ให้ผลที่ค่อนข้างดีกว่าใช้น้ำมัน แต่เวลาที่ทำความสะอาดมรกตด้วยเครื่องอุลตราโซนิก ออพติคอนอาจไหลกลับออกมาได้ เวลาทำความสะอาดมรกต จึงต้องระวังให้มาก

ของรักของหวงจะได้อยู่กับคุณไปนานๆ

ข้อมูลจาก นิตยสาร พลอย
ปี 2535 - 2538
http://oknation.nationtv.tv/blog/gemparty/2008/08/20/entry-1