วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตารางเรียนล่าสุด เดือน11

ตารางเรียนล่าสุด  เดือน11
    $$$ตารางเรียน 5/11/2560(วันอาทิตย์)

1)คอร์สทำแหวนเพชรและประเมินราคาสำหรับค้าขาย(5,000บาท/วัน)

2)คอร์สการซ่อม,ฝังเพชร. (2,200/1วัน)

3)คอร์สชุบทอง ชุบเงิน (2,200บาท/1วัน)

4)คอร์สการซ่อม,ตัดต่อไซส์แหวน,ทำแหวนเพชร. (2,200/1วัน)

5)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน)

    $$$ตารางเรียน 12/11/2560(วันอาทิตย์)

1)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลา(5,000บาท/วัน)

2)คอร์สการซ่อม,ตัดต่อไซส์แหวน,ทำแหวนเพชร. (2,200/1วัน)

3)คอร์สการซ่อม,ฝังเพชร. (2,200/1วัน)

4)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน)

   $$$ตารางเรียน 19/11/2560(วันอาทิตย์)
1)คอร์สทำแหวนเพชรและประเมินราคาสำหรับค้าขาย(5,000บาท/วัน)

2)คอร์สการซ่อม,ตัดต่อไซส์แหวน,ทำแหวนเพชร. (2,200/1วัน)

3)คอร์สการขึ้นรูปแว็กซ์พื้นฐาน (2,200/1วัน)

4)คอร์สกราฟิกดีไซน์ (15,000/5วัน)

     $$$ตารางเรียน 26/10/2560(วันอาทิตย์) #หยุดเรียน #

     $$$คอร์สเพิ่มเติมตามความต้องการของผู้เรียน

1.คอร์สทำกรอบพระขึ้นมือ (2,200/1วัน)

2.คอร์สผ่าพิมพ์ยาง (2,200/1วัน)

3.คอร์สดูเพชรแท้  เพชรเทียม (2,200/1วัน)

4.คอร์สซื้อขายเศษผงทองแท้ ทองเทียม (2,200/1วัน)

    £££ถ้าต้องการเรียนให้ยืนยัน  เรียนเฉพาะวันอาทิตย์

1.ขึ้นตัวเรือนเงิน2 วัน  4,400

2.เข้ากรอบพระ 1วัน 2,200

3.กรอบพลาสติกกันน้ำ2วัน 4,400

***เพิ่มลดวันเรียนตามความชำนาญ
$$$$สามารถเพิ่มคอร์สที่สนใจและสอบถามได้$$$

€€€€คอร์สพิเศษ. ฝังพลอยในเทียน(โรงงาน)

1)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลา5,000บาท/วัน/คน

2)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ55,000บาท/3วัน/ไม่จำกัด

3)ฝังพลอยในเทียนกับการลดต้นทุนเวลาเวลา. เน้นบริหารทั้งระบบ95,000บาท/5วัน/ไม่จำกัด

### สนใจให้ยืนยันก่อนเรียน 3 วัน นะครับ

เรียนวันอาทิตย์ 9.00-17.00น. หรือวันจันทร์

เราสอนถูกต้องตามหลักการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรม

สอนด้วยดีไซเนอร์ระดับประเทศ

สอนด้วยผู้จัดการฯโรงงานส่งออกระดับโลก

สอนด้วยผู้เชี่ยวชาญการผลิตและวิจัยและพัฒนาฯ

ที่ปรึกษาและฝึกอบรม ทั่วประเทศ

http://gggschool.blogspot.com/
คุณสันต์: 091-8078228 เฟสบุ๊ค: อ.สันต์ ฝังพลอยในเทียน
Email : sanaw588@yahoo.com,Line ID : gemsde

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี
(Gems and Gemology and Graphic design of school)

199/499 ม.นัฎยา ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร 74130

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

7 ประโยค / คำพูดที่คุณควรหัดบอกกับตัวเองบ่อย

7 ประโยค / คำพูดที่คุณควรหัดบอกกับตัวเองบ่อยๆ

NUTTAPUTCH10/25/2014

การพูดกับตัวเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณควรทำ (แม้อาจจะฟังดูบ้าๆ อยู่บ้าง) เพราะการได้หยุดแล้วใช้เวลากับตัวเองพร้อมทั้งสื่อสารบางอย่างนั้นก็เป็นเสมือนกับการย้ำสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ให้กำลังใจ หรือปลุกใจตัวเองอยู่พอสมควร นอกจากนี้แล้วมันยังมีส่วนสำคัญในการปรับทัศนคติของคุณด้วยเหมือนกัน

บล็อกวันนี้ ผมเลยลองรวบรวมประโยคดีๆ ที่คุณควรหยิบมาพูดให้ตัวเองฟังบ่อยๆ ทั้งในวันที่คุณมีปัญหา หรือวันที่คุณทำงานสำเร็จแล้วด้วย (แน่นอนว่าผมก็ใช้ 7 ประโยคนี้ด้วยนั่นแหละ) ลองดูกันนะครับ

1. ฉันทำได้

ปัญหาของหลายๆ คนคือการคิดว่าตัวเอง “ทำไม่ได้” และทำให้ต้องพลาดโอกาสในชีวิตหลายๆ อย่าง แม้ว่าจริงๆ แล้วเราไม่สามารถเป็นทุกอย่างได้ แต่การบอกตัวเองให้อยู่ในทัศนคติว่า “ทำได้” ก็ทำให้คุณกล้าที่จะลองกับมันสักตั้ง นอกจากนี้แล้วในเชิงจิตวิทยานั้น การที่คุณคิดว่าคุณทำได้ก็จะมีโอกาสสูงที่คุณจะทำได้ เช่นเดียวกับโอกาสที่คุณจะรีดเร้นความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นต่างจากการที่คุณจะบอกตัวเองว่า “ทำไม่ได้” ซึ่งเรียกว่าปิดประตูตั้งแต่เริ่มแล้วนั่นแหละ

เวลาที่ควรใช้: เจอปัญหา หรืองานใหม่ที่ถูกมอบหมายมาให้ซึ่งดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา

2. ฉันผิดเอง

การยอมรับว่าตัวเองผิดอาจจะฟังดูเป็นการมองแง่ลบ แต่เชื่อเถอะครับว่าการบอกตัวเองให้รับผิดชอบนั้นเป็นก้าวสำคัญของการเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เช่นเดียวกันนั้น การบอกตัวเองว่ามีส่วนในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็จะทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ต้องทำและทำให้คุณได้มุมมองใหม่แทนที่จะมองว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันหรือทำตัวลอยเหนือปัญหา ซึ่งนั่นจะทำให้คุณไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น

เวลาที่ควรใช้: เวลาเกิดปัญหาขึ้น มีความพลาดกับงานที่ทำ

3. เราจะทำอะไรได้อีก

แม้ว่างานที่คุณทำอาจจะเสร็จไปแล้ว แต่มันอาจจะยังไม่ได้สำเร็จหรือมีประสิทธิภาพสูงสุด ทัศนคติที่จำเป็นคือการพยายามคิดว่าคุณจะทำอย่างไรให้ดีขึ้นไปอีก แม้อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูเหนื่อยและสร้างภาระเพิ่มให้กับตัวเอง แต่หลายๆ ครั้งนั้นจะเป็นโมเมนต์สำคัญที่ทำให้งานของคุณก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง รวมทั้งตัวคุณเองด้วย

เวลาที่ควรใช้: ทำงานเสร็จแล้วแต่ก็ยังมีเวลาให้ปรับปรุงหรือแก้ไข หรือเมื่อคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาว่างมากขึ้น

4. แล้วไง?

หลายๆ ครั้งในชีวิตของเราจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ข้ออ้าง” หรือ “ข้อแก้ตัว” ให้กับตัวเองอยู่เสมอเพื่อทำให้ตัวเราไปอยู่ในจุดที่สบายและไม่ต้องเดือดร้อนทั้งที่จริงๆ แล้วมันทำให้เราสูญเสียโอกาสหลายๆ อย่าง การเลือกสวนตัวเองกลับเพื่อให้คว้าสิ่งที่ดีกว่า (แม้ว่าอาจจะต้องเหนื่อยเพิ่มกว่าเดิม) ก็เป็นเรื่องที่ควรทำเช่นกัน

เวลาที่ควรใช้: เมื่อคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีข้อแก้ตัวต่างๆ มาให้ไม่ทำสิ่งดีๆ หรือสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตคุณ

5. ก้าวต่อไปคืออะไร?

เมื่อคุณพาตัวเองมาถึงจุดๆ หนึ่งได้นั้น แรกๆ คุณก็จะมีความสุขกับมันและหลายๆ ครั้งก็ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า “พอแล้ว” จนไม่อยากจะเรียนรู้ใหม่หรือทดลองสิ่งอื่น มันอาจจะเป็นการพูดที่ดูกดดันตัวเองบ้าง แต่คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่พยายามพลักดันตัวเองไปสู่จุดที่สูงขึ้นกว่าจุดที่อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม เร็วขึ้น หรือไปสู่ระดับที่ท้าทายกว่าเดิม วิธีการแบบนี้คือทำให้ตัวเขาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอและกว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็จะไปไกลกว่าจุดที่เขาเคยคิดว่าอยากไปเสียอีก

เวลาที่ควรใช้: เมื่อคุณทำบางอย่างสำเร็จแล้ว หรือเมื่อคุณทำอะไรบางอย่างจนเริ่มเคยชินมากเกินไป

6. ไม่เป็นไรนะ

ใครๆ ก็ทำเรื่องผิดพลาดกันได้ แต่มันไม่ใช่ว่าคุณจะต้องจมไปกับความผิดพลาดนั้นอยู่จนลุกไม่ขึ้นหรือกลายเป็นโซ่ตรวนที่ยึดคุณไว้ การบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะทำเพื่อยกโทษให้ตัวเอง มองตัวเองให้มีคุณค่าเพื่อที่จะได้ลุกแล้วก้าวต่อไปนั่นแหละ

เวลาที่ควรใช้: เวลาคุณรู้สึกผิดกับเรื่องบางเรื่องจนท้อหรืออยากเลิกทำงานนั้นๆ

7. เราไม่ได้อยู่คนเดียว

เวลาที่เราเจอปัญหารุมเร้านั้น หลายๆ ครั้งจะพลักดันให้เราอยู่ในภาวะที่คิดว่าเราโดดเดี่ยวหรือไม่มีใครเข้าใจเราทั้งที่จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น มันจึงจำเป็นที่คุณต้องพยายามพาตัวเองออกจากกล่องดำโดยเร็ว เตือนตัวเองว่าคุณยังมีคนอื่นๆ ที่อยู่เคียงข้างคุณ มีคนที่รักคุณ มีคนที่แคร์คุณ หรือแม้แต่กับปัญหาเรื่องงานนั้นก็ยังมีเพื่อนร่วมงานคุณอยู่ สิ่งนี้สำคัญเพื่อเลี่ยงการให้คุณกลายเป็นโรคซึมเศร้าหรือจมอยู่กับความเครียดมากเกินไป

เวลาที่ควรใช้: เวลาที่คุณรู้สึกท้อแท้มากๆ และรู้สึกว่ารอบตัวไม่รู้จะหันไปหาใคร

วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ดร.พัชริศร์ หัตถวิจิตรกุล โรงเรียนอริยวิจิตรบัณฑิตย์


คำสอน

"การพัฒนาตนเอง ต้องมาจาก การรักตัวเอง"

ดังนี้…..

การพัฒนาตัวเอง ต้องเริ่มมาจาก การรักตัวเอง
ผู้ที่จะพัฒนาตัวเองได้ ต้องเริ่มมาจากการเป็น ผู้รักตัวเอง
และ การพัฒนาตัวเอง ที่ไม่มีพื้นฐานมาจากการรักตัวเอง การพัฒนานั้น ไม่ใช่การพัฒนาที่ยั่งยืน และการพัฒนานั้น ไม่ใช่การพัฒนาที่แท้จริง

เหตุเพราะ.....
การรักตัวเอง หมายถึง…..
- การหวังดีกับตัวเอง
- การมีความปรารถนาดีให้กับตัวเอง
- การมีความจริงใจต่อตัวเอง

ฉะนั้น…..
ผู้รักตัวเอง จึง…..
- ต้องการให้ตัวเอง ดี
- ต้องการให้ตัวเอง ดูดี
- ต้องการให้ตัวเอง ได้ดี
- ต้องการให้ตัวเอง อยู่ดี
- ต้องการให้ตัวเอง มีดี

ดังนั้น ผู้รักตัวเอง จึงมีความคิดความพยายามที่จะ.....
- ทำให้ตัวเอง ดี – ให้มีความคิดดี มีจิตใจดี มีนิสัยดี
- ทำให้ตัวเอง ดูดี – ให้มีบุคลิกดี มีวาจาดี มีมารยาทดี
- ทำให้ตัวเอง ได้ดี – ให้มีความดี มีความรู้ มีความสามารถ
- ทำให้ตัวเอง อยู่ดี – ให้มีสุขภาพดี มีความมั่นคง มีความปลอดภัย
- ทำให้ตัวเอง มีดี – ให้มีคุณค่า มีความสุข มีความเจริญ

ด้วยเหตุนี้ ผู้รักตัวเอง จึงมีหลักในตัวเอง ไม่ทำเพื่อการเอาอกใจผู้อื่น แต่ทำด้วยหลักของเหตุและผลที่ดี เพราะมีความรัก การให้เกียรติ ให้ความเคารพ มีความหวังดี มีความซื่อสัตย์ และความจริงใจ ให้กับตัวเอง

ผู้รักตัวเอง จึงยืนหยัดด้วยความมั่นใจว่า…..
- สิ่งที่ไม่ดีงาม ผู้รักตัวเอง ไม่ทำ
- สิ่งที่ไม่เหมาะควร ผู้รักตัวเอง ไม่ทำ
- สิ่งที่ไม่สะอาดปลอดภัย ผู้รักตัวเอง ไม่ทำ
- สิ่งที่ไม่สร้างคุณประโยชน์ ผู้รักตัวเอง ไม่ทำ
- สิ่งที่ไม่เจริญสร้างสรรค์ ผู้รักตัวเอง ไม่ทำ

แม้ผู้อื่นจะคิดอย่างไร พูดอย่างไร หรือ ทำอย่างไร ผู้รักตัวเองก็จะยังคงหนักแน่นมั่นคง เพราะมีความรักในตัวเองอย่างเปี่ยมล้น ด้วยความภูมิใจในตัวเอง และความมีศักดิ์ศรีในตัวเอง

และถึงแม้จะพบเจออุปสรรคปัญหา หรือมีความทุกข์ความโศกสักเพียงใด ผู้รักตัวเอง จะไม่มีวันผิดต่อตัวเองอย่างเด็ดขาด กล่าวคือ
ผู้รักตัวเองจะ.....
- ไม่ทำร้ายตัวเอง และไม่ทำประชดตัวเอง
- ไม่ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียภาพลักษณ์
- ไม่ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียง
- ไม่ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียสุขภาพ
- ไม่ทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงภัย
- ไม่ทำให้ตัวเองมีอันตราย
- ไม่ทำให้ตัวเองเป็นที่ดูถูก
- ไม่ทำให้ตัวเองโดนรังแก
- ไม่ทำให้ตัวเองมีปัญหา
- ไม่ทำให้ตัวเองมีเรื่องมีราว
ฯลฯ

และ ผู้รักตัวเอง ย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเอง ถูกผู้อื่นครอบงำชักจูง หรือถูกผู้อื่นยุยงส่งเสริมไปในทางที่ไม่ดี ให้ไปคิดเห็นในสิ่งไม่ดี ไปพูดในสิ่งที่ไม่ดี หรือไปทำในสิ่งที่ไม่ดี

อีกทั้ง ผู้รักตัวเอง จะไม่ให้ตัวเองมี ความเห็นแก่ตัวเอง อย่างเด็ดขาด
เพราะ การเห็นแก่ตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่ดีและน่ารังเกียจ

ด้วยเหตุฉะนี้
ผู้ที่เห็นแก่ตัวเอง คือ ผู้ที่ไม่รักตัวเอง
ผู้ที่เอาแต่ใจตัวเอง คือ ผู้ที่ไม่รักตัวเอง
ผู้ที่ตามใจตัวเอง คือ ผู้ที่ไม่รักตัวเอง

และ ผู้ที่ก่อเรื่องก่อราว ทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น ให้โทษให้ร้ายผู้อื่น เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น และสร้างกรรมทำผิดต่อผู้อื่น ก็คือ ผู้ไม่รักตัวเอง ทั้งสิ้น

รวมไปถึง ผู้ที่มีอัตตาตัวตนทั้งหลาย ก็คือ ผู้ที่ไม่รักตัวเอง ด้วยเช่นกัน

เพราะ ผู้รักตัวเอง ย่อมไม่ยอมให้ตัวเองมีสิ่งน่าเกลียดน่าชัง แต่จะดำรงไว้แต่สิ่งดีงาม ซึ่งคือ ความรักความเมตตา ความเข้าใจเห็นใจ และความเคารพให้เกียรติ ผู้อื่น ฯลฯ

และในสุดท้าย ผู้รักตัวเอง ก็จะสร้างสรรเพิ่มพูนแต่สิ่งดีงาม เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง และผู้ที่รักตัวเองอย่างแท้จริงเท่านั้น ที่จะสามารถพัฒนาตนเองสู่ความสุขความเจริญที่แท้จริงได้อย่างแท้จริงยั่งยืน จนกระทั่งถึงที่สุดของความสุข คือ ความไม่่มีตัวตน ที่สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างสิ้นเชิง ตามหลักธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐสูงสุดของพระพุทธเจ้า นั่นเอง.

ดร.พัชริศร์ หัตถวิจิตรกุล
โรงเรียนอริยวิจิตรบัณฑิตย์

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ไอเดียธุรกิจ ที่ทำเงินง่าย และพร้อมเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น

ไอเดียธุรกิจ ที่ทำเงินง่าย และพร้อมเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น

“ปัญหา” คือโอกาสให้คุณได้ขายแนวคิด เพื่อหาทางออก แก้ไขสิ่งต่างๆ เหล่านั้น บอกได้เลยว่าโลกนี้ยังมีโอกาสรอเราอยู่อีกมาก

หลายคนเริ่มมองหาการเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นเจ้านายตนเอง หาหนทางแก้ปัญหาใหม่ๆ ค้นหานวัตกรรมสร้างรายได้ ที่เป็นผลกระทบในเชิงบวกต่อโลก และนี่คือ 10 ไอเดียธุรกิจ ทำเงินง่าย ที่สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้

1.สร้าง chatbots : Chatbots กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก แม้อาจจะคิดว่าเป็นเพียงแฟชั่นทางการตลาด แต่บอกเลยว่า Chatbots ให้ประโยชน์กับคุณมากกว่านั้น เพราะสามารถช่วยธุรกิจคุณ ดังต่อไปนี้

สร้างการมีส่วนร่วมและการเอาใจใส่สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคกระตุ้นการมีส่วนร่วมช่วยต่อสู้กับมลพิษกระจายข้อมูลทางด้านสาธารณะสุขได้อย่างถูกต้องส่งเสริมสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้คำปรึกษาแก่ประชาชน

คุณสามารถสร้างธุรกิจด้วย Chattypeople ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบน Chatbots ที่ให้คุณสร้าง bots ในเวลาเพียงไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเฟซบุ๊คโค้ด แต่อย่างใด

2.ให้คำปรึกษาด้านการระดมทุนออนไลน์ : หากคุณมีพื้นหลังทางด้านการเงิน และมีประสบการณ์ทางการขาย คุณสามารถใช้ทักษะทั้งสองเริ่มต้นธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการระดมทุนสำหรับการกุศล โดยคุณต้องเลือกประเภทขององค์กรการกุศล และสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มคนภายในเครือข่าย

สำหรับ สิ่งที่คุณทำ คือพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณสามารถสร้างสรรค์ให้ผลลัพธ์ออกมาดี แสดงถึงประสิทธิภาพที่ผู้บริโภคจะได้รับไป ในการคำปรึกษาที่ได้ไประดมทุนทำธุรกิจ

3.ทำบล็อกการศึกษา :คุณเคยเข้าไปอ่านบล็อกแล้วตอบคำถามหรือไม่? หรือ คุณมีความรู้ความรู้พื้นฐานที่จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นหรือไม่? บางทีคุณอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง การท่องเที่ยว ภาษา หรือวิถีชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหล่านี้คุณสามารถแชร์ ประสบการณ์ในสิ่งที่คุณรักลงบนบล็อกได้อย่างอิสระ อีกทั้ง ยังสามารถหารายได้จากช่องทางนี้ ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้

ใช้ Google AdSense
เปิดพื้นที่โฆษณา
ประชาสัมพันธ์งานสัมมนาผ่านเว็บไซต์
เสนอคอร์สเรียนออนไลน์

4.เปิดคอร์สออนไลน์ : หัวข้อนี้คล้ายกับการเขียนบล็อก หากคุณมีทักษะเรื่องที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว อย่าเก็บไว้กับตัวเองเลย ลองเปิดคอร์ส จัดหาบริการช่วยเหลือให้ผู้คนทั่วไปได้พัฒนาตัวเองให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยคุณสามารถหารายได้จากคอร์สเหล่านี้

ติวเตอร์นักเรียน
สอนภาษาสอนวิธีการทำภาษี
สร้างคอร์สออนไลน์สำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็ก
สร้างช่อง YouTube ให้ความรู้ด้านสุขภาพ
ให้คำปรึกษาด้านการทำธุรกิจให้มีความยั่งยืน

5.สร้างแอพพลิเคชั่นสีเขียว : ผู้คนทั่วโลกล้วนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ธรรมชาติ เมื่อรู้แบบนี้ แล้วทำไมไม่ช่วยพวกเขาเหล่านั้นละ หากคุณมีความรู้การพัฒนาเว็บ และโมบายแอพพลิเคชั่น คุณสามารถสร้าง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารไปยังผู้คนว่าพวกเขาจะทำอย่างไรให้พวกเขาใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

คุณอาจจะสร้างแอพพลิเคชั่นที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ โดยโฟกัสในเรื่องเหล่านี้

การอนุรักษ์พลังงานการรีไซเคิลการขาย และการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

6.ขับ Uber : เรื่องนี้คุณอาจจะคิดไม่ถึง แต่คนขับ Uber คืออาชีพหนึ่งที่มีส่วนช่วยโลก ซึ่งเป็นอาชีพที่ง่ายในการเริ่มต้น และลงมือทำ ในฐานะคนขับ Uber ช่วยแบ่งปันการใช้รถยนต์ให้คนที่อยู่ในพื้นที่ในละแวกเดียวกับคุณได้เดินทางไปยังจุดเป้าหมายอย่างมั่นใจ ปลอดภัย

7.ระดมทุนเพื่อสังคม : การระดมทุนเพื่อสังคม คือ คือผู้ประกอบการที่ต้องการระดมทุนเพื่อโปรเจคต์ของพวกเขา ซึ่งคุณสามารถสร้างแพลตฟอร์มการระดมทุนที่เชื่อมโยงมนุษยธรรมเพื่อให้ผู้คนยินดีที่จะบริจาคเงิน แทนที่การเรียเก็บเงินที่มีอัตรา ค่าธรรมเนียมสูง โดยทำให้พวกเขามั่นใจว่าเงินที่นำมาลงทุนจะไม่สูญเปล่า

8.สร้างโปรแกรมพัฒนาคุณภาพชีวิต : การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น โดยการสร้างพื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้ นำมาสู่ทักษะในการนำไปประกอบอาชีพ อาจจะเป็นการฝึกอบรมการทำอาหาร ซึ่งจะทำให้ผู้สนใจสามารถนำความรู้ ทักษะที่ได้นำไปใช้สู่การเริ่มต้นธุรกิจ พึ่งพาตนเองได้ เรียกได้ว่าสร้างโอกาสไม่มีที่สิ้นสุด หากคอร์สของคุณได้รับความสนใจ ในอนาคตข้างหน้าย่อมเกิดขึ้นใหม่อีกได้

9.เขียน ebook : การเขียน e-book สามารถให้คุณได้ถ่ายทอดทักษะผ่านทางหนังสือดิจิทัล ซึ่งผู้อ่านจะเสียค่าใช้จ่ายเพยงเล็กน้อยสำหรับการพิมพ์หนังสือออกมา สำหรับข้อดีของ e-book คือการให้อิสระทางการเขียน และมีช่องทางจัดจำหน่ายบนแพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Amazon

10.ตั้งบริษัทท่องเที่ยว : ผู้คนมากมายอยากเก็บเงินไว้ เพื่อท่องเที่ยวรอบโลก ก่อนที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีนักเดินทางเพิ่มขึ้นที่อยากจะเดินทางไปรอบโลก และมีความประสงค์อยากจะมีส่วนร่วมกับชุมชน แม้ว่าธุรกิจเกี่ยวกับการจับคู่ทำกิจกรรมกับสถานที่ท่องเที่ยวจะมีอยู่แล้ว แล้วทำไมคุณไม่ลองกระโดดลงมาในตลาดนี้บ้างละ

เรียบเรียงจาก : entrepreneur

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณีsanaw588s: 25 สุดยอดคำคมที่ “ริชาร์ด แบรนสัน” ชื่นชอบเป็นอย่า...

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณีsanaw588s: 25 สุดยอดคำคมที่ “ริชาร์ด แบรนสัน” ชื่นชอบเป็นอย่า...: 25 สุดยอดคำคมที่ “ริชาร์ด แบรนสัน” ชื่นชอบเป็นอย่างมาก! ตุลาคม 16, 2017 ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) เศรษฐีพันล้านผู้ก่อตั้ง Virgin G...

ผู้นำยุค นวัตกรรม4.0

เราได้เดินทางกันมาถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2017 กันแล้ว จากการพูดคุยกับ CEO บริษัทชื่อดังต่าง ๆ พวกเขาได้พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าพวกเขามีความตระหนักถึงเรื่องงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในด้านการตลาดและการจ้างพนักงาน พวกเขาจึงเริ่มมองหาหาทางที่สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและวิธีการที่สามารถนำมาใช้แทนการจ้างพนักงานเพิ่ม

1. รู้จักเลือกผู้นำ

ข้อมูลจาก Ashish Goel CEO & Co-Founder ของบริษัท Urban Ladder ในองค์กรหนึ่งควรจะมีคนที่มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาและปลูกฝังการแก้ไขปัญหานั้น ๆให้เป็นค่านิยมหลักในองค์กร ซึ่งทางบริษัท Urban Ladder ต้องการที่จะขับเคลื่อนองค์กรด้วยการสร้างปัจจัยที่จำเป็นต่าง ๆ ที่สามารถนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับบริษัทได้ “เรามองหานวัตกรรมจากทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นจากตัวสินค้า การออกแบบ การขนส่ง หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาองค์กรและปรับปรุงระบบการทำงานต่าง ๆ  ซึ่งนวัตกรรมเหล่านั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถผลักดันทีมของเราให้กลายเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพได้ในอนาคต” Ashish Goel กล่าว ถ้าหากเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงได้มีโอกาสทำงานหรือคลุกคลีกับคนในทีม เป็นสถานการณ์ที่ผลักดันให้เกิดการช่วยเหลือกันและกันอยู่ตลอด ซึ่งอาจนำมาสู่การแก้ไขปัญหาแนวใหม่ได้ในอนาคต

2. สร้างความท้าทายขึ้นอยู่เสมอ

Johan Hedin ผู้อำนวยการด้านการบริหารของ Marketing Ignite เชื่อกับคำพูดที่ว่า “อย่ากลัวที่จะถาม” ซึ่ง Hedin ให้เหตุผลว่า “เพราะว่าอุตสาหกรรมการตลาดดิจิตอลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เรามักจะให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ การทดลอง กลยุทธ์ อยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ วัน และนี่คือหลักสำคัญในการเติบโตของบริษัทของเราตั้งแต่ปี 1999 การตั้งคำถามหรือสร้างความท้าทายกับทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้น ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาในอนาคต นอกจากนั้นการให้บริการที่นอกเหนือในสัญญาระหว่างลูกค้าหรือการให้บริการอย่างมีคุณภาพนั้น ก็ทำให้เรากลายเป็นผู้ทำธุรกิจที่มีแผนกลยุทธ์การตลาดที่ดีที่สุดนั่นเอง”

3. สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ระยะยาว

Nirav Dave เจ้าของบริษัท ProDesigns เชื่อว่าการรวมพลังทีมพนักงานให้เป็นหนึ่งเดียวกันนั้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางด้านทรัพยากรบุคคล เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดว่าการสร้างวัฒนธรรมที่ดีให้เกิดขึ้นในองค์กรเช่น การส่งเสริมให้พนักงานและบุคลากรให้มีโอกาสในการแสดงศักยภาพของตนออกมาได้มากที่สุด ผมต้องการทำให้แน่ใจว่าพนักงานของผมนั้นมาทำงานทุกวันและบรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้นทุก ๆ วัน เราทุกคนคือส่วนหนึ่งของการเติบโตและกลยุทธ์ต่าง ๆ ของบริษัท เรามักจะให้รางวัลกับทุกคนที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญอยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังรับฟังความคิดเห็นจากพวกเขาเพื่อสร้างมุมมองที่ครอบคลุมและดีขึ้นนั่นเอง”

4. รับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายตรงข้าม

Oliver Isaacs เจ้าของบริษัท Amirite นั้นไม่กลัวที่จะรับฟังความเห็นจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเขาคิดว่านี่คือวิธีการที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานขององค์กรและบุคลากรของเขาได้ “ผมเชื่อว่าการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ  หรือการคิดนอกกรอบนั้นมีปัจจัยมาจากการรับฟังสิ่งที่เราอาจไม่เห็นด้วยนั่นเอง การที่จะต้องยอมรับมุมมองตรงกันข้ามกับเราอย่างสิ้นเชิงนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ  แต่ก็เป็นวิธีที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานเช่นเดียวกัน เพราะเราจะคิดในมุมมองของเราเพียงเท่านั้น ซึ่งนั่นมันไม่เพียงพอต่อการทำธุรกิจ การเลือกเปิดใจกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยคือสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้”

5. การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ

ท้ายสุด เราจะมาพูดถึงความสำคัญของการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและควรค่าแก่การใช้เวลาไปกับส่วนนี้ที่สุด เพราะการสื่อสารที่ดีนั้นนอกจากจะนำมาซึ่งความเข้าใจ ความเห็นพ้อง แลกเปลี่ยนความรู้ ยังช่วยสร้างสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย Trevor James Gormley เจ้าของ The Millenial View กล่าวว่า “บางครั้งปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดในโลกอาจเกิดขึ้นมาจากการสื่อสารที่ไม่ดี ยิ่งในโลกปัจจุบันที่คนปกติมีความสามารถในการสื่อสารกันมากและกว้างยิ่งขึ้น เราจึงต้องพัฒนาแนวทางการสื่อสารเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้นระหว่างผู้บริหาร พนักงาน หรือแม้กระทั่งกับผู้บริโภคเอง”

Alex Silensky CEO ของบริษัท OGScapital Business Plans กล่าวว่า “เราชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากการสื่อสารที่ไม่ดี และในโลกปัจจุบันนี้มีอุปสรรคต่าง ๆ มากมายในรูปแบบของสื่อดิจิตอลที่สร้างขึ้นมาเพื่อปิดบังความจริง ฉะนั้นเราจึงมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำให้การสื่อสารนั้นเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้จริงและมีคุณภาพ ซึ่งเริ่มจากบุคลากรและพนักงานของบริษัทเราก่อน จากนั้นจึงแพร่ขยายไปสู่ผู้บริโภคและอื่น ๆ ต่อไป”

ที่มา inc-asean.com