วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คน "รอ" จะไม่มีทาง "รวย"

คน "รอ" จะไม่มีทาง "รวย"

- รอโบนัสออกก่อน
- รอให้ทุกคนเห็นด้วยกับเราก่อน
- รอปรึกษาคนนั้น คนนี้ก่อน
- รอศึกษามากกว่านี้ก่อน
- รอเรียนจบก่อน
- รอออกจากงานก่อน
- รอให้เศรษฐกิจดีก่อน
- ทำตอนนี้มันร้อน รอก่อน
- รอให้พร้อมก่อน
- รอลูกโตก่อน
- รอผ่อนรถหมดก่อนค่อยเริ่ม

คุณรู้มั๊ยอะไรอยู่เบื้องหลังคำว่ารอ

ก็ #ความกลัว ไง

- กลัวที่จะทิ้งสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
- กลัวการเปลี่ยนแปลง
- กลัวล้มเหลว
- กลัวคำนินทา
- กลัวเหนื่อย
- กลัวคนบอกว่าไม่มีทางทำได้

เมื่อมีความกลัวในใจ
#การรอ จึงถูกใช้เป็น #ข้ออ้าง
ให้ฟังแล้วสบายใจ หรือใช้เพื่อ #ซื้อเวลา

แต่เวลาผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า
นี่ก็จะหมดปีแล้ว คุณก็ยังไม่เริ่ม
ปล่อยให้เวลาปีนึงๆ หมดไปเรื่อยๆ

แม้ชีวิตของคุณอาจจะยังเหลืออีกหลายสิบปี
แต่อย่าลืมว่าช่วงที่มีกำลังวังชา มันจำกัดนะ
ช่วงนี้ที่คุณยังเริ่มต้นได้ มีแรงทำ แต่กลับไม่ทำ
จะเก็บไปทำเอาตอนแก่หรอ?

#ถ้าจะเริ่มให้เริ่มเลย
ไม่ใช่เริ่มวันนี้ แต่ #เริ่มวินาทีนี้
ติดต่อ หาลูกค้า หาสินค้า และลุยเลย

จงทำตัวเป็นคน "เริ่มง่าย แต่เลิกยาก"
อย่าทำตัวเป็นคน "เริ่มยาก แต่เลิกง่าย"

แล้วคุณจะรวย
แล้วครอบครัวคุณจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ "คุณ"
คุณเท่านั้นที่จะเขียนชะตาชีวิต

รออะไร
เริ่มต้น แล้วกด share ให้โลกรู้ว่าเราจะเริ่มแล้วซิครับ!!!

.

รู้ไหม คำว่า"เลิกเป็นมนุษย์เดือน" หมายความว่าอะไร?

คือ.......

เลิกนั่่งรอแต่เงินเดือน ทำตัวให้มีเป้าหมาย ขยันขันแข็ง
หันมาพัฒนาตัวเอง หาโอกาสใหม่ๆ หาช่องทางสร้างอาชีพเสริม

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บริหารเวลา

การบริหารจัดการเวลาที่คล้ายๆ กัน

1. พวกเขารู้ว่าทุกคนมี prime time
     ช่วงเวลา prime time วันหนึ่งอาจจะไม่มากมาย แค่วันละ 1-2 ชั่วโมง แต่เรียกว่าเป็นช่วง ‘องค์ลง’ มีกำลังสมองและสมาธิสูงสุด ถ้าเป็นสายครีเอทีฟคือ ช่วงงานคลอด ถ้าเป็นเจ้าของกิจการคือ ช่วงคิดไอเดีย ถ้าเป็นนักเขียนคือ ช่วงพิมพ์มือเป็นระวิง ฯลฯ พวกเขาจะใช้ prime time อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ เช่น การเล่นโซเชียลมีเดียเป็นอันขาด

2. พวกเขาดูแลร่างกายอย่างดีมาก
     พวกเขาจะดูแลร่างกายให้ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะออกกำลังกาย หรือพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะพวกเขาเหล่านี้รู้ว่าสมองจะทำงานได้ดี ร่างกายต้องอยู่ในสภาพที่ดีด้วย คนที่อดนอน 3 วันไม่สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน ผู้นำของโลกอย่างประธานาธิบดีโอบามาหรือปูตินต่างก็ออกกำลังกายเป็นประจำ

3. พวกเขาโฟกัส
     คนที่ผมคุยด้วยทุกคนจะโฟกัสและทำงานเป็นเรื่องๆ ไป เพราะเวลาเขาทำงานเขาเล่าให้เราฟังว่าเขาจะเหมือนตกอยู่ในภวังค์ งานที่ได้ออกมามันจึงใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่มีใครที่ทำงานแบบ multitask เลยสักคนเดียว ผมแนะนำว่าการทำ time block ว่าตอนนี้ควรทำอะไรและใช้เวลาเท่าไหร่เป็นสิ่งที่ดีมากครับ เครื่องมือที่ผมใช้และอยากแนะนำต่อมากๆ คือ การใช้ ASANA ซึ่งเป็น task management เมื่อ intregrate เข้าไปกับ Google Calendar มันจะเป็นเครื่องมือในการจัดการเวลาที่ทรงพลังมากครับ

หากวันนี้มีคนเสนอเงินให้คุณ 100 ล้านแลกกับ 10 ปีของชีวิตคุณ คุณคงไม่เอาใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้นอย่าโยนเวลาทิ้งไปราวกับมันไม่มีค่า

4. พวกเขาใช้เวลาไปทำในสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด เรื่องอื่นที่ไม่ถนัดพวกเขาจะให้คนอื่นทำ
     เมื่อเจาะลึกลงไปในการใช้ชีวิตของคนเหล่านี้ จะพบว่าพวกเขาจะทุ่มเทเวลาไปกับการเจียระไนทักษะที่พวกเขาถนัดมากๆ ให้คมขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่เรื่องที่ไม่ถนัด พวกเขาจะส่งต่อให้คนอื่นทำ พูดง่ายๆ คือคนเหล่านี้ไม่พยายามจะทำตัวให้เป็นคนเก่งทุกเรื่องนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น กบไม่เคยเล่นหุ้น มันบอกว่าการศึกษาเรื่องหุ้นเป็นเรื่องเสียเวลา กบจึงเอาเรื่องหุ้นและเงินไปให้พวก private wealth management จัดการดีกว่า

5. พวกเขาไม่ปล่อยเศษเวลาให้หายไป
     ผมว่าตัวอย่างของมังกรอธิบายได้ครบถ้วนมาก

6. พวกเขาให้ค่ากับเวลามากกว่าเงิน
     พวกเขาเหล่านี้เข้าใจมากๆ เลยว่าเวลาไม่สามารถเก็บหรือสะสมไว้ได้ เวลาผ่านแล้วผ่านเลย ดังนั้นมันจึงมีค่ามากที่สุด หากวันนี้มีคนเสนอเงินให้คุณ 100 ล้านแลกกับ 10 ปีของชีวิตคุณ คุณคงไม่เอาใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นอย่าโยนเวลาทิ้งไปราวกับมันไม่มีค่านะครับ
อย่าลืมนะครับ
     เพราะเวลามีค่าที่สุด

ภาพประกอบ: NOLA NOLEE
TAGS:themomentumguide2017

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กิจกรรมที่ทำก่อนนอน ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเขาทำกัน

6 กิจกรรมที่ทำก่อนนอน ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเขาทำกัน

คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก จะมีความคิดที่คล้ายๆ กันคือ ทุกนาทีมีค่าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนนอน พวกเขามักจะกิจกรรมต่างๆ ไว้พัฒนาทักษะตัวเอง หรือยกระดับจิตใจให้แข็งแกร่ง รวมถึงสุขภาพร่างกายด้วย วันนี้ ชี้ช่องรวย จึงนำกิจกรรมตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก 6 คน มาเป็นแนวทางให้ท่านได้ลองนำมาใช้กันในชีวิตประจำวันดูค่ะ

        Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขาจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการอ่านก่อนเข้านอน ซึ่งเรื่องราวที่เขาอ่านจะเป็นตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน งานวิจัย University of Essex ระบุว่า การอ่านเพียงแค่วันนี้ 6 นาทีต่อวัน จะสามารถช่วยลดความเครียดในแต่ละวันลงได้มากถึง 66% เลยทีเดียว

Unplug
        Arianna Huffington เจ้าของกิจการ Huffington Post มีเทคนิคที่เธอใช้ก่อนนอน นั่นก็คือ เธอจะนำโทรศัพท์มือถือของเธอไปวางไว้ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องนอน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ยืนยันว่าวิธีการนี้จะช่วยลดความคิดฟุ้งซ่านก่อนนอนได้ Dr. Charles Czeisler ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการนอนแห่ง Harvard University ได้ระบุว่า แสงไฟจากข้อความโทรศัพท์จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย และธรรมชาติการนอนของมนุษย์ นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าของโทรศัพท์มือถือทนไม่ไหว จนต้องลุกไปเปิดอ่านข้อความนั้นๆ

Take a walk
        Joel Gascoigne CEO ของ Buffer จะใช้ช่วงเวลาก่อนนอนในการเดินสักครู่ เพื่อลดความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน ซึ่งก็มีงานวิจัยหนึ่งที่ยืนยันว่า การเดินมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย

Meditate
        Oprah Winfrey พิธีกรชื่อดังที่ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เธอมักจะทำสมาธิในเวลาที่เธอรู้สึกเครียดจากการทำงาน และเธอยังทำสมาธิก่อนนอนเป็นประจำทุกวันอีกด้วย ซึ่งมีผลการวิจัยหนึ่งได้บรรยายสรรพคุณของการทำสมาธิว่า สามารถช่วยลดความเครียด  ความวิตกกังวล ความซึมเศร้า และความเจ็บปวดได้ด้วย

Get creative
        Vera Wang แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังของอเมริกา จะใช้เวลาช่วงก่อนนอนในการออกแบบงานแฟชั่นของเธอเอง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามีงานวิจัยหนึ่งของ Albion College ระบุไว้ว่า ช่วงเวลาการคืนนั้นเหมาะกับการปิ๊งไอเดียและความคิดสร้างสรรค์มากกว่าช่วงเวลากลางวันเสียอีก

        6. Plan the next day
        Kenneth Chenault CEO แห่ง American Express จะใช้เวลาก่อนนอนในการวางแผนสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้น เพื่อที่ว่าเขาจะสามารถเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังในสิ่งที่ต้องทำในวันรุ่งขึ้นได้ ทั้งนี้เคยมีงานวิจัยเมื่อยุค 90 ได้พบว่า เด็กนักเรียนที่มีการวางแผนสิ่งที่ต้องทำพรุ่งนี้ก่อนนอน จะมีแนวโน้มในการทำคะแนนสอบและได้เกรดที่ดีมากกว่าคนที่ไม่มีการวางแผน

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

ธรรมะยามเช้า

เขาโกรธมา เราไม่โกรธตอบไป อย่างนี้เรียกว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก เมื่อรู้ทันว่าคนอื่นหรืออีกฝ่ายหนึ่งเขาขุ่นเคืองขึ้นมาแล้ว เรามีสติระงับใจไว้เสีย ไม่เคืองตอบ จะชื่อว่าเป็นผู้ทำประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย คือ ช่วยไว้ทั้งเขาและทั้งตัวเราเอง เพราะฉะนั้น เราอย่าทำตัวเป็นผู้แพ้สงครามเลย จงเป็นผู้ชนะสงครามและเป็นผู้สร้างประโยชน์เถิด อย่าเป็นผู้สร้างความพินาศวอดวายเลย

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

 "...พระ ก็เป็นพระไปตามเดิม..."

"พระ จะตั้งสมณศักดิ์ให้เป็นอะไร ก็เป็นพระองค์หนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นโยมไม่ต้องไปห่วงนี่นั่น จะตั้งเป็นชั้นไหน ๆ ก็เป็นพระองค์หนึ่ง เคยเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงตา หลวงพ่อ หลวงปู่ ก็เรียกไปตามนั้นแหล่ะ เขาจะเรียกเจ้าประคุณอะไร ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ให้เป็นเรื่องของทางการเขา ส่วนเราก็อยู่แบบสบาย ๆ สิ่งที่เราควรจะให้ความใส่ใจ คือในหลวง ส่วนพระก็เป็นพระไปตามเดิม"

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙

ภาพ : Dhamakorn Aryankura

ร้านทอง

ระบบภาษีของไทยเครื่องมือแก้ปัญหาหรือสร้างปัญหา

Date: 16 มิถุนายน 2016

จากแรงกัดดันของโลกการค้า ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ผลักดันให้กรมสรรพากรต้องทยอยยกเลิกวิธีการชำระเงินค่าภาษีด้วยเงินสด และบังคับให้ผู้เสียภาษีทุกรายต้องชำระเงินค่าภาษีทุกประเภทผ่านธนาคารพาณิชย์ (Tax e-Payment) ภายในปี 2561 ตามมาตรการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของ FATCAและมาตรการต่อต้านการฟอกเงินของผู้ก่อการร้ายของ APG โดยกรมสรรพากรต้องจัดส่งรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินของชาวอเมริกันให้หน่วยงานทั้ง 2 แห่งตามข้อตกลงดังกล่าว

ตามแผนงาน กรมสรรพากรต้องนำเสนอร่างกฎหมายส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติภายในเดือนกันยายน 2559 เพื่อบังคับให้ผู้เสียภาษีทุกรายที่มีรายได้เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ชำระค่าภาษีทุกประเภทผ่านธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป จากนั้น ให้ขยายผลการบังคับใช้กับผู้เสียภาษีทุกรายภายในปี 2561 สำหรับประชาชนทั่วไปที่ใช้เงินสดซื้อสินค้า ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เสนอให้กรมสรรพากรเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อัตรา 10% แต่ถ้าซื้อสินค้าผ่านบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือโอนเงินผ่านธนาคารเสีย VAT ที่อัตรา 7%

การปฏิรูประบบการชำระเงินค่าภาษีของกรมสรรพากรครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ“แผนยุทธศาสตร์การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล” (Nation e-Payment Master Plan) ที่จะนำไปเชื่อมโยงกับโครงการ Any ID (Any Identification) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยข้อมูล Any ID ในการทำธุรกรรมทางการเงินจะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลภาษี

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ (ซ้าย) นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร (ขวา)

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลพัฒนาระบบ e-Payment เสร็จจะทำให้กรมสรรพากรมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analysis) ใช้ในการบริหารการจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และอุดรูรั่วไหลในการจัดเก็บภาษี เนื่องจากข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดจะมาปรากฏที่กรมสรรพากร ยกตัวอย่าง นาย ก ยื่น ภ.ง.ด.90 แจ้งกรมสรรพากรว่ามีเงินได้ 2 ล้านบาท แต่ถ้าพิจารณาจากหลักฐานทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ พบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีนาย ก ในปีนั้น 50 ล้านบาท สมัยก่อนเจ้าหน้าที่สรรพากรอาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ เพราะไม่มีฐานข้อมูล แต่ในอนาคตข้อมูลทั้งหมดจะปรากฏอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของกรมสรรพากร หากเจ้าหน้าที่ที่กำกับดูแลผู้เสียภาษีรายนี้ตรวจสอบพบแล้วไม่ดำเนินการตามระเบียบที่กรมสรรพากรกำหนด รอจนมีผู้ตรวจราชการหรือเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบ จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157

“ในอนาคตคงไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเอาอนาคตทางราชการมาเสี่ยง หรือยอมช่วยเหลือผู้เสียภาษีกระทำความผิด การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่จะทำได้ยากขึ้น เนื่องจากฐานข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินจากหน่วยงานต่างๆ จะมาปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากร แก้ไขก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไม่ดำเนินการ คนอื่นมาตรวจเจอ ก็จะมีความผิด” นายประสงค์กล่าว

นายประสงค์กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียภาษีที่แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง หากกรมสรรพากรตรวจเส้นทางเงินแล้วพบรายได้ที่ไม่ได้แจ้งต่อกรมสรรพากร เป็นรายได้จากการซื้อ-ขายสินค้าที่ไม่ได้ลงบันทึกบัญชี หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ผู้เสียภาษีจะมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ กรมสรรพากรมีอำนาจยึดทรัพย์และตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ซึ่งรวมไปถึงกรณีการใช้ใบกำกับภาษีปลอมมาขอคืนภาษี VAT เป็นเท็จ มูลค่าเกิน 1 ล้านบาท หรือ ซื้อ-ขายใบกำกับภาษีปลอมมูลค่าเกิน 15 ล้านบาท ก็อยู่ในข่ายความผิดตามกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ทำให้กรมสรรพากรต้องออกมาตรการเอสเอ็มอีบัญชีเดียว เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีลงบันทึกบัญชีให้ถูกต้อง โดยกรมสรรพากรจะไม่ตรวจภาษีย้อนหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้กรมสรรพากรต้องเร่งประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับผู้เสียภาษีทุกกลุ่ม เตรียมความพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเชิญกลุ่มผู้ประกอบการทุกกลุ่มเข้าร่วมงานสัมมนา รับฟังแนวนโยบายและทิศทางการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในอนาคต รวมทั้งอบรมวิธีการลงบันทึกบัญชีที่ถูกต้อง

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า เริ่มจากธุรกิจร้านทองกลุ่มนี้มีผู้ประกอบกิจการร้านทองทั้งหมด 7,585 ราย ประกอบด้วยผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ 10 ราย ร้านค้าส่งและโรงงานผู้ผลิตทองรูปพรรณ 75 ราย ร้านค้าปลีกหรือ “ตู้แดง” มีประมาณ 7,500 ราย ในจำนวนร้านค้าทองทั้งหมด 99% ประกอบธุรกิจในรูปแบบของบุคคลธรรมดา ที่เหลือ 1% จดทะเบียนการค้าในรูปแบบของนิติบุคคลหรือบริษัท ภาพรวมของธุรกิจร้านทองมีมูลค่าการซื้อ-ขายปีละประมาณ 4-5 แสนล้านบาท แต่ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับกรมสรรพากรไม่ถึง 2 แสนล้านบาท และจากการที่กรมสรรพากรส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามสาเหตุที่ทำให้ร้านค้าทองลงบันทึกบัญชีไม่ถูกต้อง ร้านค้าปลีกบอกว่าร้านค้าส่งไม่ยอมออกใบเสร็จให้ พอไปสอบถามร้านค้าส่ง ร้านค้าส่งบอกว่าจะออกใบเสร็จให้แต่ร้านค้าปลีกไม่เอา ต่างฝ่ายต่างโทษกัน ล่าสุด ตนได้สั่งการให้สรรพากรพื้นที่โอนกิจการร้านค้าทองทั้งประเภทค้าส่งและผู้ผลิตเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ (LTO) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2559 ทำหน้าที่กำกับดูแลให้ร้านค้าทองออกใบกำกับภาษีทุกทอดที่มีการซื้อ-ขายทอง โดยเฉพาะทองคำหนัก 1 บาท ร้านทองคิดค่ากำเหน็จจากลูกค้า 500 บาท แต่มาแจ้งกับกรมสรรพากร 400 บาท กรมสรรพากรได้ขอให้ร้านทองแจ้งค่ากำเหน็จให้ถูกต้อง (500 บาท) มาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2559

นายประสงค์กล่าวต่อว่า ภาพรวมของธุรกิจซื้อ-ขายทองคำมีมูลค่าปีละ 4-5 แสนล้านบาท แต่มายื่นภาษีเงินได้กับกรมสรรพากร 2 แสนล้านบาท สาเหตุสำคัญที่ทำให้ร้านทองยื่นรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ปัญหาเกิดจากเจ้าของธุรกิจร้านทองประมาณ 99% เป็นธุรกิจครอบครัว โมเดลของการประกอบธุรกิจใช้รูปแบบของบุคคลธรรมดา มีกำไรจากการขายทองน้อยมาก หากแจ้งรายได้ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เจ้าของร้านทองอาจจะไม่สบายใจ เพราะประมวลรัษฎากรให้เจ้าของธุรกิจร้านทองหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายไม่เกิน 75% ของรายได้ นั่นก็หมายความว่าขายทองได้ 100 บาท หักค่าใช้จ่ายได้ 75 บาท เหลือรายได้สุทธิที่จะนำมาคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้า 25 บาท หรือกำไร 25% แต่ข้อเท็จจริงเจ้าของธุรกิจร้านทองมีกำไรจากการขายทองไม่ถึง 1% เพราะซื้อทองมาแพง ต้นทุนสูงมาก บางครั้งทองราคาตกก็ขาดทุน หากร้านทองแจ้งรายได้ตามความเป็นจริง ก็ขาดทุนอีก เพราะประมวลรัษฎากรให้หักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 75%

“ยกตัวอย่าง ร้านทองมีรายได้จากการขายทอง 20,000 บาท ข้อเท็จจริงมีกำไรแค่ 15 บาท พอถึงสิ้นปีนำรายได้จากการขายทองไปยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ประมวลรัษฎากรให้หักค่าใช้จ่ายได้ 15,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินได้สุทธิ หรือกำไร 5,000 บาท นำมาคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้า ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงขายทองคำ 20,000 บาท ได้กำไรแค่ 15 บาทเท่านั้น นี่คือต้นเหตุที่ทำให้ธุรกิจร้านทองลงบันทึกบัญชีแสดงยอดขายไม่ครบถ้วน ตั้งแต่ร้านค้าส่งไปจนถึงร้านค้าปลีก ระบบบัญชีขัดแย้งกัน จนกลายเป็นข้อผิดพลาด หรือ “แผล” ที่ฝังลึกมานาน บางครั้งประกอบกิจการขาดทุน ก็ต้องยอมเสียภาษีให้เจ้าหน้าที่สรรพากร”

ดังนั้น แนวทางในการแก้ปัญหาร้านทอง คือ ต้องให้เจ้าของกิจการร้านทองมาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สามารถนำรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงมาหักภาษีตามมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี

“หากประกอบกิจการมีกำไรก็เสียภาษี ขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี กรณีเป็นนิติบุคคลทั่วไปเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิ แต่ถ้าเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีมีกำไรสุทธิไม่เกิน 3 แสนบาท ได้รับการยกเว้นภาษี และถ้าเกิน 3 แสนบาทขึ้นไปเสียภาษีในอัตรา 10% ของกำไรสุทธิ นอกจากนี้ ในมาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำผลขาดทุนสุทธิมาหักภาษีได้อีกไม่เกิน 5 ปี สิ่งที่ผมคาดหวังจากการโอนธุรกิจร้านทองเข้ามาอยู่ในระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ 1. ตัวเลขจีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้น ดึงธุรกิจที่อยู่นอกระบบบางส่วนเข้ามาอยู่ในระบบ 2. ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สรรพากร ในอดีตเคยใช้ดุลยพินิจในการจัดเก็บภาษีได้เพราะไม่มีหลักฐาน แต่หลังจากระบบ e-Payment มีผลบังคับใช้ ข้อมูลการชำระเงินทุกหน่วยงานจะมาปรากฏที่กรมสรรพากร หากผู้ประกอบการไม่ปรับตัว ลงบันทึกบัญชีรายได้ให้ถูกต้องครบถ้วน ในอนาคตอาจจะเดือดร้อน” นายประสงค์กล่าว

นายประสงค์กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภาษีร้านค้าทอง กรมสรรพากรขอความร่วมมือกิจการร้านค้าทองทุกแห่งให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และโอนทรัพย์สินเข้ามาที่บริษัทให้เสร็จภายในสิ้นปี 2559 เพื่อที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2559 ก็ให้ยื่น ภ.ง.ด.90 ตามปกติ (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560) สำหรับค่าธรรมเนียมการโอน และค่าภาษีที่เกิดจากการโอนที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจากบุคคลธรรมดาไปยังนิติบุคคล ตนได้มีการหารือนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ทางกระทรวงการคลังจะออกกฎหมายยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีให้ทั้งหมด รวมทั้งแก้ไขระเบียบให้ธนาคารพาณิชย์สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงชื่อลูกหนี้ (เจ้าของร้านทอง) จากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคลได้ ข้อดี คือ ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับนิติบุคคลได้โดยไม่จำกัดอายุ บริษัทอายุ 100 ปี ก็สามารถมากู้เงินธนาคารได้ แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี

“ผมเชื่อว่าธุรกิจร้านทอง 7,500 แห่ง จะเข้ามาจดทะเบียนบริษัทกันทั้งหมด ยืนยันไม่ทำให้ผู้เสียภาษีต้องจ่ายภาษีมากกว่าเดิม ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บจากกำไรสุทธิ ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี เริ่มจากธุรกิจร้านทอง จากนั้นก็จะขยายผลไปยังธุรกิจอื่นแยกตามคลัสเตอร์ของธุรกิจ เช่น ธุรกิจขายยา ร้านขายแว่นตา เป็นต้น กรมสรรพากรจะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับภาคธุรกิจ เน้นให้ความรู้และการทำบัญชีให้ถูกต้อง เพราะโลกการค้าเปลี่ยน กฎกติกาเปลี่ยน กรมสรรพากรจึงต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ” นายประสงค์กล่าว

ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วประเทศมีร้านทอง 7,500 แห่ง ประกอบธุรกิจการค้าในรูปแบบบริษัทมีไม่เกิน 100 แห่ง ส่วนที่เหลือ 7,400 แห่ง ทำธุรกิจในรูปแบบของบุคคลธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว ทำบัญชีก็ไม่เป็น และก็ยอมรับว่าทำไม่ถูกต้องมานาน บางครั้งสรรพากรมาขอให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ขาดทุนก็ต้องยอมจ่าย ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะต้นทุนบางอย่างพวกเราไม่มีหลักฐาน นำมาลงบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายไม่ได้ ปัจจุบันร้านทองเสีย VAT เฉพาะค่ากำเหน็จ ขายทองคำแท่ง ขายทองรูปพรรณ ไม่ต้องเสีย VAT แต่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ซึ่งในความเป็นจริงขายทอง 20,000 บาท ได้กำไรแค่ 15 บาท ซื้อก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ยังไม่ได้เลย เจ้าของกิจการร้านทองส่วนใหญ่ก็อยากเข้าระบบ เสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ก็มีบางรายเกรงว่าเข้าระบบแล้วจะถูกสรรพากรตรวจภาษีย้อนหลังหรือไม่ หลังจากที่สมาคมค้าทองคำเชิญอธิบดีกรมสรรพากรกล่าวในงานสัมมนาเป็นครั้งที่ 2 ก็รู้สึกสบายใจขึ้น ถ้าโอนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วจะไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ส่วนระบบใหม่เจ้าของกิจการร้านทองก็ไม่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้น ขาดทุนไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้ากำไรสุทธิไม่ถึง 3 แสนบาท ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ถ้าไม่เริ่มทำให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตธุรกิจร้านทองจะเดินต่อไปไม่ได้

ธรรมโอวาทของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตโต)

- ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป
.
- ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
.
- ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง
.
- ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว
.
- ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย
.
- ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา
.
- ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน
.
- ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น
..
ธรรมโอวาทของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตโต)
คัดลอกมาจาก Wellness2012 https://www.facebook.com/2012Wellness

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ฝังพลอยในเทียน

ฝังพลอยในเทียน.. เป็นเทคนิคลดต้นทุนเวลา

ครูทุกอาชีพ... ทุกอาชีพเป็นครู

ครู... ทุกอาชีพเป็นได้....
.... ตำรวจสอนตำรวจ.. เรียกว่าครูสายตำรวจ
.... หมอสอนหมอ.. เรียกว่าครูของหมอ
.... พยาบาลสอนคนไข้... เรียกว่าครูของคนไข้
.... วิทยากรสอนการตลาดออนไลน์.. เรียกว่าครูของคนออนไลน์
.... ช่างแอร์สอนช่างแอร์... เรียกว่าครูช่างแอร์
... พี่คนสวยสอนทำผมตัดผม... เรียกว่าครูช่างเสริมสวย
... พี่ชายสุดหล่อสอนธุรกิจอสังหาฯ.. เรียกว่าครูสร้างนักอสังหาฯ
... คนนี้ใครหนอสอนทำขนมไทย... เรียกว่าครูสอนทำขนมหรือทำเบเกอรี่
... เจ้านายสอนลูกน้อง.... เรียกว่าคุณครูเจ้านายที่เคารพ
... หัวหน้าสอนลูกน้อง... เรียกว่าคุณครูหัวหน้าที่นับถือ
... ไม่ต้องกลัว.. เขาได้ดีกว่า... เดี๋ยวสักเขาจะกลับมาให้กราบครู..
... วันนี้จะสอนใคร.. ให้รีบปล่อยความรู้.. เขาจะได้รีบใช้... รีบหาเงิน....
... ไม่ต้องเลี้ยงไข้.... เพราะครู... ไม่ใช่หมอ(นอกรีต)

ในหลวง. ร. ๙. ทรงเป็นครูของทุกสาขาวิชาของชาวไทย
เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของในหลวง. ร. ๙ที่ทรงพระราชกรณียกิจมากมาย
ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมสดุดี

มะเร็ง

ต้องอ่าน ต้องอ่าน สำคัญมาก จนต้องแชร์

ดร. รุ่ง จาก รพ. จุฬาส่งมาให้ น่าสนใจมาก

Shafin de Zane presents: What is Cancer?

นี่คือ สิ่งที่คุณ ไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ
(Cancer is Natural)
มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหาก เซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว ของเซลล์ จึงเป็นสิ่ง ที่เป็นธรรมชาติ
เป็นที่ น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่า
ตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม- เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น
ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุด ลงไปใหม่อีก
จากมุมมอง ของเซลล์ หากมัน ไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่า ของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ
มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ- ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง

มะเร็ง คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น โดย ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป เอาละ คุณจะลงมือ อย่างฉับพลัน เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร
มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธีคือ:

👉วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ
สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน
เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจน ต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการ ของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิต อยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่ม ระดับออกซิเจน ให้กับเลือด
-- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ
- หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง4
- หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน
ทำอย่างนี้ครับ
>>>> 1-2-3-4 <<<<
ทำอีกครั้งครับ
>>>> 1-2-3-4 <<<<
ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>>
กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4
หายใจออกทางปาก <<<<
หายใจ เข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอน ของคุณ เพราะมันมีที่ พอสำหรับ
การออกกำลัง ของเราทุกวิธี

👉วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน กรด
สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำ ให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทาน
อาหารที่เป็นด่าง มากขึ้น
น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก
- งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์
- รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณ ต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทาน อะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน

👉วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ
ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกัน อ่อนแอ
ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ
คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ?
ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย
และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว

👏และแชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้
ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย
ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจาก โฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบ จะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ
ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง
จงเปลี่ยนน้ำ ในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะ การทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง
มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้ น่าอยู่ขึ้น

เครดิต ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D., ดร.รุ่ง รพ.จุฬา

จากการศึกษาวิจัย พบว่า การ Detox ดีท็อกล้างสารพิษลำไส้สามารถลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งลำไส้ได้