ลักษณะของการเป็นผู้นำ ที่จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี มีหลายรูปแบบและหลายวิธี บางคนเอาความสำคัญของงานนำหน้าสิ่งอื่นๆ บางคนเอางานเป็นศูนย์กลาง แต่ทว่าหน้าที่หลักของผู้นำคืออะไรกันแน่? และเป้าหมายที่แท้จริงที่ผู้นำควรบรรลุคืออะไร?
กว่าสองทศวรรษที่ David Meltzer ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท Sports 1 Marketing ได้สัมผัสการเป็นผู้นำมา และนี่คือสิ่งที่เขาสรุปออกมาได้
“ถ้าการกระทำของคุณทำให้ผู้อื่นมีความฝันมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ลงมือทำมากขึ้น และเป็นในสิ่งที่เขาปรารถนามากขึ้น คุณคือผู้นำ” — จอห์น เควนซี่ อดัมส์ (JOHN QUINCY ADAMS)
1. สร้างแรงบันดาลใจ
ดังที่ จอห์น เควนซี่ ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าการกระทำของคุณทำให้ผู้อื่นมีความฝันมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ลงมือทำมากขึ้น และเป็นในสิ่งที่เขาปรารถนามากขึ้น คุณคือผู้นำ” ไม่ว่าลูกน้องจะทำงานประเภทไหนก็ตาม แรงบันดาลใจและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญต่อพวกเขา ผมพยายามจะกระตุ้นและสร้างความตื่นเต้นให้ทีมด้วยการพูดถึงวิสัยทัศน์ที่จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ น่าประหลาดใจที่การบอกเล่าเรื่องวิสัยทัศน์ และปล่อยวางเรื่องอำนาจ สามารถช่วยให้กำลังใจพวกเขาได้ พร้อมทั้งวิสัยทัศน์ของผมก็สามารถส่งต่อไปยังผู้คนมากมายได้อีกด้วย
2. ยกตัวอย่างเป็นบทเรียน
เวลาที่ผมให้กำลังใจผู้อื่น ผมจะใช้วิธียกตัวอย่างแทนที่จะออกคำสั่ง ซึ่งสำหรับผมแล้วหมายถึงการที่เรา “ทำงานร่วมกัน” ไม่ใช่การบอกว่าต้องทำอย่างนู้นอย่างนี่ บางครั้งผมก็เดินนำ บางครั้งผมก็เดินตาม แต่ทุกๆ ครั้งผมต้องเชื่อมโยงกับกลุ่มให้ได้ เพราะรู้ตัวว่าทุกการกระทำของผมย่อมส่งผลต่อกลุ่มทั้งหมด ผมจึงพยายามค่อยๆก้าวไปด้วยกันกับพวกเขา ด้วยการใช้คำพูดและการกระทำที่สร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้คนในกลุ่ม
3. รับรู้ความผิดพลาดของตนเอง และรู้จักที่จะขอโทษ
ผู้นำเองก็สามารถทำเรื่องที่ผิดพลาดได้ และเวลาที่เกิดคำพูดหรือการกระทำที่ผิดพลาดมันย่อมไม่สร้างแรงบันดาลใจเท่าไหร่นัก ผมมักจะเอ่ยคำ ‘ขอโทษ’ อย่างใจจริงทุกครั้ง และสำคัญที่สุดก็คือผมพร้อมที่จะ ‘ให้อภัยตัวเอง’ ด้วย ซึ่งบางครั้งก็มีช่วงเวลาที่ตำหนิตัวเองอยู่บ้าง ผมมักจะขอบคุณยินดีต่อทุกคน และทุกแรงกายที่ทำให้เกิดผลสำเร็จได้ ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาก็มักจะตอบรับคำชื่นชมยินดีมากกว่าการพูดแง่ลบต่างๆ
4. สร้างแนวปฏิบัติและความร่วมมือ
ท้ายที่สุดแล้ว หน้าที่ของผู้นำก็คือการสร้างแนวปฏิบัติในที่ทำงานซึ่งเป็นหลักการและระบบคุณค่าที่จะยึดเราไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและเอกภาพของทีม พวกเขาจะยอมรับก็ต่อเมื่อพวกเขามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงหรือการรวมกลุ่ม ซึ่งจะนำไปสู่การมีความเชื่อร่วมกันในที่ทำงาน หลายครั้งหลายหนที่ผมเห็นว่าคนที่เป็นตัวของตัวเองจะมีกำลังใจมากกว่า ซึ่งมันนำไปสู่การมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้หลายปีที่ผ่านมา ผมยังสังเกตเห็นว่าคนที่มีแรงบันดาลใจจะเป็นผู้มีความความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ดีอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณเสริมกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทีม คุณก็จะได้ทีมงานที่มีความซื่อสัตย์ต่อคุณ และมีพลังใจในการก้าวสู่เป้าหมายร่วมกัน หรืออย่างน้อยพวกเขาก็จะทำงานอย่างสุดความสามารถแน่นอน
Source : Entrepreneur
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น