วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

การกำหนดคุณภาพของทองคำ

การกำหนดคุณภาพของทองคำ

การกำหนดคุณภาพของทองคำของไทย     ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีวิธีการกำหนดคุณสมบัติ ดังนี้

1.ในอดีต 

ปรากฎหลักฐานตามประกาศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ระบุถึงการกำหนดคุณภาพทองคำ    โดยตั้งพิกัดราคา(ทองคำ)    ตามประมาณของเนื้อทองคำบริสุทธิ์ในทองรูปพรรณ    เนื้อทองคำดังกล่าวอาจผสมด้วยแร่เงิน   หรือทองแดงมากน้อยตามคุณภาพของทองคำ   ส่วนการเรียกทองคุณภาพต่าง ๆ นั้น    ใช้วิธีการเรียกราคาของทองคำต่อน้ำหนักทองหนึ่งบาทเป็นมาตรฐานในการเรียกชื่อทองคำ    โดยเริ่มตั้งแต่ทองเนื้อสี่ขึ้นไปจนถึงทองเนื้อเก้า   ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ทองเนื้อสี่           หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 4 บาท

ทองเนื้อห้า         หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 5 บาท

ทองเนื้อหก         หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 6 บาท (ทองดอกบวบ)

ทองเนื้อเจ็ด        หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 7 บาท

ทองเนื้อแปด       หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 8 บาท

ทองเนื้อเก้า         หมายถึง ทองคำหนักหนึ่งบาท          ราคา 9 บาท

ทองเนื้อเก้าเป็นทองคำบริสุทธิ์ เรียกว่า   “ทองธรรมชาติ” หรือบางที่เรียกว่า “ทองชมพูนุช” เป็นทองที่มีสีเหลืองเข้มออกแดง    นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกแตกต่างกันอีกหลายชื่อ   เช่น   “ทองเนื้อแท้”    “ทองคำเลียง”   ซึ่งหมายถึงทองบริสุทธิ์ปราศจากธาตุอื่นเจือปน   ซึ่งตรงกับคำในภาษาล้านนาว่า “คำขา”    นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกทองคุณภาพต่าง ๆ    อีกหลายชื่อ   เช่น   “ทองปะทาสี”   ซึ่งเป็นทองคำเปลวเนื้อบริสุทธิ์ชนิดหนา “ทองดอกบวบ” เป็นทองที่มีเนื้อทองสีเหลืองอ่อนคล้ายดอกบวบ

2.ในปัจจุบัน  

การกำหนดคุณภาพของทองคำยังคงใช้ความบริสุทธิ์ของทองคำในการบ่งบอกคุณภาพของทองคำ   โดยการคิดเนื้อทองเป็น “กะรัต”   ทองคำบริสุทธิ์   หมายถึง   ทองคำที่มีเนื้อทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น    หรือเรียกกันว่าทองร้อยเปอร์เซ็นต์   หรือเรียกกันในระบบสากลว่า   ทอง 24 กะรัต    ทองซึ่งมีเกณฑ์การบ่งบอกคุณภาพของเนื้อทองโดยบ่งบอกความบริสุทธิ์เป็นกะรัตมีชื่อเรียกว่า   “ทองเค”   ทองคำบริสุทธิ์ไม่มีโลหะหรือสารอื่นเจือปนอยู่เป็นทอง 24 กะรัต   หากมีความบริสุทธิ์ของทองคำลดต่ำลงมา   ก็แสดงว่ามีโลหะอื่นเจือปนมากขึ้นตามส่วน   เช่น   ทอง 14 กะรัต หมายถึง ทองที่มีเนื้อทองบริสุทธิ์ 14 ส่วน และมีโลหะอื่นเจือปน 10 ส่วน   เป็นต้น        ทองประเภทนี้บางทีเรียกว่า “ทองนอก”    ซึ่งส่วนมากนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพชรพลอยต่าง ๆ   ในอุตสาหกรรมอัญมณี

กะรัต                 สัญลักษณ์          เปอร์เซ็นต์          เฉดสีที่ได้           นิยมในประเทศ

24                     24K                   100%                ทอง                  สวิสเซอร์แลนด์

22                     22K                   91.7%               เหลืองทอง          อินเดีย

21                     21K                   84.5%               เหลืองทอง          กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

18                     18K                   75%                  เหลืองขาว           อิตาลี,ฝรั่งเศส,ญี่ปุ่น

14                     14K                   58.3%               เหลืองขาว           สหรัฐอเมริกา,อเมริกาเหนือ,อังกฤษ

10                     10K                   41.6%               เหลือง                สหรัฐอเมริกา ,อเมริกาเหนือ

9                      9K                     37.5%               เหลืองปนเขียว     อังกฤษ

8                      8K                     33.3%               เหลืองซีด           เยอรมนี

 

            สำหรับประเทศไทยนั้นใช้มาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำที่ 96.5 เปอร์เซ็นต์   หากจะเทียบเป็นกะรัตแล้ว จะได้ประมาณ 23.16 K      ซึ่งจะได้สีทองที่เหลืองเข้มกำลังดี   และมีความแข็งของเนื้อทองพอเหมาะสำหรับการนำมาทำเครื่องประดับ                      เนื่องจากทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์     มีความอ่อนตัวมาก   จึงไม่สามารถนำมาใช้งานได้         จำเป็นต้องผสมโลหะอื่น ๆ   ลงไปเพื่อปรับคุณสมบัติทางกายภาพของทองคำให้แข็งขึ้น คงทนต่อการสึกหรอ    โลหะที่นิยมนำมาผสมกับทองคำได้แก่ เงิน ทองแดง นิกเกล และสังกะสี   ซึ่งอัตราส่วนจะสัมพันธ์ตามความต้องการของผู้ใช้งาน กล่าวคือ ผู้ผลิตทองรูปพรรณแต่ละรายจะมีสูตรของตนเอง    ในการผสมโลหะอื่นเข้ากับทอง     บางรายอาจผสมทองแดงเป็นสัดส่วนที่มากหน่อยเพราะต้องการให้สีของทองออกมามีสีอมแดง หรือบางรายอาจชอบให้ทองของตนสีออกเหลืองขาวก็ผสมเงินในอัตราส่วนที่พอเหมาะ         ซึ่งทั้งหมดนั้นจะได้ความบริสุทธิ์ของทอง 96.5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกัน  

ที่มา: http://www.goldtraders.or.th/PageView.aspx?page=5

                                 

ไม่มีความคิดเห็น: